Browse Tag by เทคนิคบริหารเวลา
บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคบริหารเวลาเพื่องานที่ดีและชีวิตสุดปัง

เทคนิคบริหารเวลาเพื่องานที่ดีและชีวิตสุดปัง

คำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีจัดการเวลาให้ดีมีดังนี้

ระวังว่าคุณใช้เวลาอย่างไร: ติดตามกิจกรรมของคุณสักวันหรือสองวันเพื่อดูว่าเวลาของคุณไปไหนจริงๆ วิธีนี้สามารถช่วยคุณระบุจุดที่คุณสามารถมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น

ตั้งเป้าหมาย: คุณต้องการบรรลุอะไรด้วยเวลาของคุณ? การมีเป้าหมายที่เจาะจงจะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของงานและมีแรงบันดาลใจอยู่เสมอ

สร้างตารางเวลา: กันเวลาสำหรับงานที่สำคัญที่สุดของคุณในแต่ละวัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิและหลีกเลี่ยงการถูกกีดกัน

จัดลำดับความสำคัญงานของคุณ: งานบางงานไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเท่ากัน ใช้ระบบเช่น Eisenhower Matrix เพื่อจัดลำดับความสำคัญของงานของคุณตามความเร่งด่วนและความสำคัญ

เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ: อย่าให้คำมั่นสัญญามากเกินไป คุณสามารถปฏิเสธคำขอที่ไม่สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของคุณได้

ลดสิ่งรบกวนสมาธิ: ปิดการแจ้งเตือน ปิดเสียงโทรศัพท์ และค้นหาสถานที่เงียบสงบในการทำงานเมื่อคุณต้องการมีสมาธิ

หยุดพัก: กำหนดเวลาพักช่วงสั้นๆ ตลอดทั้งวันเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ

มอบหมายงานหรือจ้างบุคคลภายนอก: หากเป็นไปได้ มอบหมายงานให้กับผู้อื่นหรือจ้างบุคคลภายนอกเพื่อเพิ่มเวลาของคุณ

ให้รางวัลตัวเอง: เฉลิมฉลองความสำเร็จของคุณเพื่อให้มีแรงบันดาลใจอยู่เสมอ

เมื่อปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะได้เรียนรู้การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและบรรลุเป้าหมาย

เรื่องของเวลา

การบริหารเวลาสำหรับนักเดินทาง

การบริหารเวลาสำหรับนักเดินทาง

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเดินทาง โดยเฉพาะนักธุรกิจที่ต้องการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ คำแนะนำในการบริหารเวลาสำหรับนักเดินทางมีดังนี้

1.วางแผนการเดินทางล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงการจองเที่ยวบิน ที่พัก และกิจกรรมต่างๆ ด้วยการวางแผนล่วงหน้า คุณสามารถหลีกเลี่ยงการเสียเวลาในวันเดินทางได้

2.สร้างตารางเวลาและยึดตามนั้นให้มากที่สุด สิ่งนี้จะช่วยให้คุณใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดและหลีกเลี่ยงการใช้เวลามากเกินไป

3.มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไปเมื่อคุณเดินทาง ดังนั้นควรเตรียมปรับตารางเวลาของคุณตามความจำเป็น

4.มอบหมายงาน หากคุณกำลังเดินทางร่วมกับผู้อื่น ให้มอบหมายงานต่างๆ เช่น จัดกระเป๋า การเช็คอินเที่ยวบิน และการนำทาง

5.ใช้ประโยชน์จากการหยุดทำงาน หากคุณต้องหยุดพักหรือหยุดทำงานเป็นเวลานานที่จุดหมายปลายทาง ให้ใช้เวลานั้นทำงานโดยใช้แล็ปท็อป อ่านหนังสือ หรือพักผ่อน

ก่อนการเดินทางของคุณ

1.power pack สิ่งนี้จะช่วยคุณประหยัดเวลาและความยุ่งยากที่สนามบิน

2.พิมพ์บอร์ดดิ้งพาสและเอกสารสำคัญอื่นๆ ของคุณ สิ่งนี้จะช่วยคุณประหยัดเวลาที่สนามบิน

3.ดาวน์โหลดแอปหรือแผนที่ที่จำเป็นลงในโทรศัพท์ของคุณ สิ่งนี้จะช่วยคุณนำทางไปยังจุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องพึ่ง Wi-Fi

4.ค้นหาจุดหมายปลายทางของคุณและเขียนรายการกิจกรรมที่คุณต้องการทำ วิธีนี้จะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของเวลาและหลีกเลี่ยงการเสียเวลากับกิจกรรมที่คุณไม่สนใจ

ที่สนามบิน

1.มาถึงสนามบินก่อนเวลา นี่จะทำให้คุณมีเวลาเช็คอินเที่ยวบิน ผ่านการรักษาความปลอดภัย และค้นหาประตูขึ้นเครื่อง

2.ใช้ตู้เช็คอินแบบบริการตนเอง หากมี สิ่งนี้จะช่วยคุณประหยัดเวลาในการต่อแถว

3.หากคุณมีสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่อง ให้ฝากไว้ที่เคาน์เตอร์สัมภาระโดยเร็วที่สุด วิธีนี้จะทำให้มือของคุณว่างขึ้นและช่วยให้คุณเคลื่อนที่ไปมาได้ง่ายขึ้น

4.ใช้ Wi-Fi ของสนามบินเพื่อตรวจสอบอีเมลหรือทำงานบนแล็ปท็อปของคุณ

บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคบริหารเวลางานให้มีประสิทธิภาพแบบฉบับคนเยอรมัน

เทคนิคบริหารเวลางานให้มีประสิทธิภาพแบบฉบับคนเยอรมัน

การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นหนทางหนึ่งในการดำเนินชีวิตให้ประสบความสำเร็จ เพราะอย่าลืมว่าแต่ละคนมีเวลาเท่ากัน นั่นคือวันละ 24 ชั่วโมง ใครบริหารเวลาได้ดีกว่าถือว่าได้เปรียบ เพราะสามารถจัดการตารางชีวิตได้ดีกว่า โดยเฉพาะด้านการทำงาน เพราะในหนึ่งสัปดาห์ต้องทำงานมากถึง 5 วัน และนอกจากคนประเทศญี่ปุ่นแล้ว คนเยอรมันยังขึ้นชื่อว่าสามารถบริหารเวลาทำงานได้อย่างดีเยี่ยม จนมีชั่วโมงทำงานเพียงวันละ 7 ชั่วโมง โดยไม่ต้องอยู่ทำงานดึกดื่น และยังสามารถลางานได้ครั้งละเป็นเดือนเลยทีเดียว

เทคนิคบริหารเวลาตามแบบฉบับคนเยอรมัน

1. ให้ความสำคัญกับชั่วโมงทำงาน
ไม่เพียงแต่ชาวญี่ปุ่นเท่านั้นที่ให้ความสำคัญเรื่องเวลาโดยเฉพาะในชั่วโมงทำงาน เพราะคนเยอรมันเองก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ไม่แพ้กัน โดยในเวลาทำงานจะโฟกัสไปที่การทำงานอย่างจริงจัง น้อยมากที่จะเสียเวลาไปกับการคุยเรื่องส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่การเดินไปชงกาแฟ อีกทั้งสไตล์การทำงานของคนเยอรมันจะเน้นการทำงานแบบคนเดียว แต่ละคนมักมีหน้าที่ชัดเจนทำให้ไม่ต้องประชุมงานบ่อย ๆ และยังมองว่าการประชุมบ่อยครั้งเกินไปและนานเกินไปจะทำให้ไม่มีสมาธิจดจ่อต่องานที่ตนเองได้รับมอบหมาย

2. อะไรคือตัวขโมยชั่วโมงทำงานของคุณ
เมื่อใดที่รู้สึกว่าทำงานออกมาได้ไม่เต็มที่ หรือสะสางงานได้น้อยกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ ชาวเยอรมันมักค้นหาคำตอบว่าอะไรคือสิ่งที่ขโมยเวลาทำงานไป เช่น การหันไปคุยเรื่องส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงานนานเกินไป การใช้เวลาไปกับการติดตามโซเชียลมีเดียนานเกินไปโดยไม่รู้ตัว ฯลฯ ซึ่งคนทำงานมืออาชีพจะค้นหาคำตอบโดยการลิสต์สิ่งที่ขโมยเวลาทำงานในแต่ละวันแล้วลดหรือเลิกพฤติกรรมเหล่านั้นเพื่อให้สามารถจัดการงานได้ตามที่ตั้งเป้าเอาไว้

3. แบ่งเวลาสำหรับการพักผ่อน
แม้ชาวเยอรมันจะค่อนข้างให้ความสำคัญกับชั่วโมงทำงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ละเลยเรื่องการสังสรรค์ ปล่อยให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนตามโอกาส เรียกได้ว่าเวลาทำงานก็ทำอย่างเต็มที่และเวลาพักผ่อนก็พักผ่อนอย่างเต็มที่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การลาพักร้อนติดต่อกันเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แต่ยังเป็นประเทศที่เศรษฐกิจแข็งแกร่งประเทศหนึ่งของโลก การนัดพบกลุ่มเพื่อนไลฟ์สไตล์เดียวกัน เช่น การนัดปีนเขาทุกวันเสาร์-อาทิตย์ การนัดปาร์ตี้หลังเลิกงาน เป็นต้น

การบริหารจัดการเวลาได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะในชั่วโมงทำงาน ทำให้ชาวเยอรมันมีชั่วโมงทำงานน้อยกว่าประเทศยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกามากถึง 300 ชั่วโมงต่อปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนประเทศเยอรมันสามารถลาพักร้อนต่อเนื่องได้ถึง 4-6 สัปดาห์ แต่ยังสามารถจัดการเรื่องงานได้อย่างดีเยี่ยม เพราะฉะนั้นใครที่รู้ตัวว่าตารางชีวิตค่อนข้างยุ่ง อย่าลืมนำเทคนิคบริหารเวลาเหล่านี้ไปใช้เพื่อการบริหารจัดการเวลาชีวิตได้ดียิ่งขึ้น

 

เรื่องของเวลา

เผย 5 เทคนิคในการบริหารเวลา ช่วยให้ชีวิตลงตัวและง่ายขึ้น

เผย 5 เทคนิคในการบริหารเวลา ช่วยให้ชีวิตลงตัวและง่ายขึ้น

การบริหารเวลา (Time Management) เป็นทักษะและการฝึกฝนประเภทหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถจัดการเวลา 24 ชั่วโมงใน 1 วันของเราให้มีประสิทธิภาพด้วยการลำดับความสำคัญของกิจกรรมแต่ละประเภทให้ทำสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งหากมีวินัยและสามารถปฏิบัติตามได้ คำว่าไม่มีเวลาจะถูกกำจัดออกไปจากชีวิตและผลพลอยได้ของการบริหารเวลาจะช่วยให้เราสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่อยากทำได้โดยไร้ความกังวล วันนี้เราจะมาเปิดเผยเทคนิคในการบริหารเวลา 5 ข้อที่จะช่วยให้ชีวิตของเราลงตัวและง่ายขึ้น

1.สร้างตารางชีวิต (Schedule) ให้ตัวเอง ด้วยการกำหนดเวลาตื่นนอน การเดินทาง วางแผนการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งบางวันหากเราบริหารช่วงเวลาในการทำงานได้ดี ก็จะมีเวลาเหลือไว้ทำกิจกรรมหลังเลิกงานหรือมีเวลาให้กับครอบครัวได้มากขึ้น แต่หากวันใดที่อาจประสบกับปัญหางานที่อาจทำให้ตารางชีวิตของเรารวนไปบ้างก็ไม่ถือว่าเป็นความล้มเหลว ตรงกันข้ามเราสามารถใช้เรื่องนี้เป็นบทเรียนหรือประสบการณ์ในการพัฒนาให้งานของเราสำเร็จและลุล่วงได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม

2.จัดลำดับความสำคัญของงาน (Prioritization) นับเป็นทักษะที่ต้องการการฝึกฝนและปฏิบัติจนเกิดความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานเป็นรูทีน (Routine) หรือสิ่งที่ทำเป็นกิจวัตรจะมีแต่สามารถปฏิบัติได้เร็วขึ้น ส่งผลให้เราสามารถรับงานอื่นได้เพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสให้เราแตกแขนงความสามารถในงานไปได้อีกระดับหนึ่ง

3.ทำงานที่ยากที่สุดก่อน (Challenge) คนเราต้องมีแต่การเดินไปข้างหน้าเท่านั้น ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องปกติที่มักจะได้รับมอบหมายงานชิ้นใหม่ที่มีความท้าทายมากกว่าเดิม เริ่มแรกย่อมผ่านไปได้ยากหรือเจอกับอุปสรรคบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเราคุ้นเคยกับงานที่ยากเหล่านั้น งานยากจะถูกเปลี่ยนเป็นงานประจำทันที นั่นย่อมส่งผลให้เราสามารถบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้นเป็นลำดับ การทำงานที่ยากที่สุดก่อนในแต่ละวัน นอกจากจะทำงานได้คล่องและมีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลายได้มากกว่าด้วย

4.มีเวลาพักจากโซเชียล (Social) แม้ว่าการท่องโลกออนไลน์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลายคนไปเสียแล้ว แต่เรายังคงต้องรู้จักแบ่งเวลางาน เวลาของครอบครัว และเวลาของการท่องโลกโซเชียลเอาไว้ด้วย เพื่อให้เรายังคงตามโลกทัน ขณะเดียวกันชีวิตส่วนตัวและด้านการงานก็ยังคงมีประสิทธิภาพ

5.จัดสรรเวลาส่วนตัว (Personal Time) ทั้งเวลาพักผ่อน การออกกำลังกายหรืออ่านหนังสือ ฟังเพลง นับเป็นช่วงเวลาที่ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายและพักผ่อนสมอง เปรียบเสมือนการชาร์จแบตให้ตัวเองเพื่อทำกิจกรรมในวันต่อ ๆ ไปให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

การบริหารเวลาคือการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองให้สามารถจัดการทั้งเวลางาน เวลาของครอบครัว หรือเวลาส่วนตัวของตัวเองให้มีคุณภาพมากที่สุดเพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ประกอบกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องการได้อย่างมีความสุขนั่นเอง

บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

4 เทคนิคบริหารเวลา

ถ้าให้เลือกบางสิ่งบางอย่างคุณจะเลือกอะไรให้กับชีวิต หนึ่ง การงาน สอง เงิน สาม สุขภาพ สี่ ความสัมพันธ์ ห้า เวลา ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ถ้าเป็นคำตอบของเรา คือ เวลา เพราะถ้าไม่มีเวลาแล้ว ก็ไม่สามารถทำงานได้ นำไปสู่การไม่มีเงิน ไม่มีเวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อนฝูง ก็จะทำให้สูญเสียความสัมพันธ์ นอกจากนี้ถ้าไม่มีเวลานอนหลับก็จะทำให้เจ็บป่วยจนเสียสุขภาพได้

ในทางตรงข้าม หากมีเวลาเหลือเฟือก็สามารถจัดการทุกอย่างที่ต้องการและทำให้มีความสุขในชีวิตเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เวลามีจำกัด แค่ 24 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เราจึงมี 4 เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ดังต่อไปนี้

4 เทคนิคบริหารเวลา

เทคนิคที่ 1 กิจกรรมที่เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ

เริ่มต้นการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร” แล้วจัดกิจกรรมที่มีความสำคัญในส่วนนี้เป็นอันดับแรกหรือด่วนที่สุดที่จะต้องทำ ซึ่งแต่ละคนมีมุมมองต่อความสำคัญที่สุดไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่มีใครตอบแทนใครได้ว่าเรื่องไหนสำคัญนอกจากตัวเอง เช่น บางคนเน้นเรื่องงานเป็นหลัก บางคนเน้นเรื่องความสัมพันธ์หรือความรัก เป็นต้น

เทคนิคที่ 2 กิจกรรมที่ไม่ด่วนที่สุด แต่จำเป็นต้องทำ

การบริหารเวลาในส่วนนี้ ทุกคนจะต้องมีเพราะเป็นกิจกรรมประจำวัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ไม่ด่วนมากนัก เช่น ซักผ้า ทำความสะอาดบ้านในกรณีที่ต้องทำเอง ไม่ได้จ้างแม่บ้าน เป็นต้น หากไม่มีเวลาทำกิจกรรมในส่วนนี้ ก็จะทำให้มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านสกปรก ไม่มีเสื้อผ้าใส่เพราะไม่ได้ซักผ้า

เทคนิคที่ 3 กิจกรรมที่สามารถให้คนอื่นทำสิ่งต่าง ๆ แทนคุณ

การบริหารเวลาในส่วนนี้ เป็นกิจกรรมที่สามารถให้คนอื่นทำแทนกันได้ เช่น จองตั๋วคอนเสิร์ต จองตั๋วเครื่องบิน ฝากเพื่อนร่วมงานถ่ายเอกสาร จ้างคนอื่นทำงานแทน เป็นต้น ซึ่งเป็นการช่วยให้คุณได้ประหยัดเวลาเพื่อไปทำหรือโฟกัสในสิ่งที่คุณอยากทำและสำคัญมากกว่า

เทคนิคที่ 4 กิจกรรมที่สนุกสนาน

การจัดการเวลาในส่วนนี้ จะมีหรือไม่มีก็ได้เพราะไม่ได้สำคัญมากนัก เช่น การดูหนัง ฟังเพลงในยูทูป เล่นเกมส์ เที่ยว แชทเล่นกับเพื่อน เป็นต้น เป็นเวลาที่ไม่มีผลกระทบหรือความเสียหายแต่อย่างใดเพราะเป็นเวลาที่ทำให้เพลิดเพลินและเติมสีสันให้กับชีวิตเท่านั้น หากเวลาส่วนนี้มีมากเกินไปก็อาจไปกระทบหรือกินเวลาในส่วนอื่น ๆ ที่เราได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น

หากไม่มีการบริหารเวลา ก็จะส่งผลกระทบต่อการวางแผนที่ต้องทำในแต่ละวัน ว่าจะทำอะไร ที่ไหนและอย่างไร กล่าวคือ สิ่งที่ทำอยู่นั้นก็จะไม่สามารถดำเนินการได้ แสดงให้เห็นว่าเป็นการใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์และไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น การบริหารเวลา อย่างเหมาะสม จึงเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะประสบความสำเร็จและมีความสุขในเรื่องต่าง ๆ นั่นเอง

เทคนิคการบริหารเวลาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด