Browse Tag by การบริหารเวลา
เรื่องของเวลา

จัดการเวลารับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนัก

จัดการเวลารับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนัก

การบริหารเวลามื้ออาหารอาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก เคล็ดลับบางประการต่อไปนี้จะช่วยคุณจัดโครงสร้างมื้ออาหารและสร้างกิจวัตรการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

1.กินเป็นประจำ ตั้งเป้ากินอาหารหลักสามมื้อ (เช้า กลางวัน และเย็น) และของว่างเล็กๆ น้อยๆ สองถึงสามมื้อตลอดทั้งวัน การรับประทานอาหารเป็นประจำจะช่วยควบคุมความหิวและป้องกันการกินมากเกินไป

2.อย่าข้ามอาหารเช้า เริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการ สิ่งนี้สามารถกระตุ้นการเผาผลาญของคุณและให้พลังงานแก่คุณสำหรับวันข้างหน้า

3.ขนาดส่วนควบคุม คำนึงถึงขนาดชิ้นส่วนเพื่อหลีกเลี่ยงการกินมากเกินไป ใช้จาน ชาม และภาชนะที่มีขนาดเล็กลงเพื่อช่วยควบคุมปริมาณอาหาร

4.รวมโปรตีน รวมแหล่งโปรตีนไร้มันไว้ในมื้ออาหารของคุณ โปรตีนช่วยให้คุณอิ่มและสนับสนุนการบำรุงรักษากล้ามเนื้อในระหว่างการลดน้ำหนัก

5.จัดลำดับความสำคัญของผัก เติมผักให้เต็มครึ่งจาน มีแคลอรี่ต่ำและมีเส้นใยสูง ซึ่งสามารถช่วยให้คุณรู้สึกพึงพอใจโดยได้รับแคลอรี่น้อยลง

6.เลือกอาหารทั้งหมด เลือกใช้อาหารทุกส่วนที่ไม่ผ่านการแปรรูป โดยทั่วไปแล้วอาหารเหล่านี้จะมีสารอาหารหนาแน่นกว่าและสามารถช่วยควบคุมความอยากอาหารของคุณได้

7.ไฮเดรตก่อนมื้ออาหาร ดื่มน้ำหนึ่งแก้วก่อนมื้ออาหาร วิธีนี้สามารถช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มมากขึ้นและป้องกันการกินมากเกินไป

8.การรับประทานอาหารอย่างมีสติ ใส่ใจกับสิ่งที่คุณกำลังรับประทานและลิ้มรสอาหารแต่ละคำ การรับประทานอาหารอย่างมีสติสามารถช่วยให้คุณรู้ว่าเมื่อใดที่คุณพอใจแล้ว ซึ่งช่วยลดโอกาสที่จะบริโภคมากเกินไป

9.กำหนดเวลามื้ออาหารปกติ จัดตารางการรับประทานอาหารให้สม่ำเสมอ. สิ่งนี้สามารถช่วยควบคุมความหิวและความอิ่มของร่างกาย ทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น

10.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดึก พยายามทานอาหารมื้อสุดท้ายให้เสร็จสักสองสามชั่วโมงก่อนเข้านอน การทานอาหารว่างตอนดึกอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเนื่องจากระบบเผาผลาญของร่างกายมีแนวโน้มที่จะช้าลงระหว่างการนอนหลับ

11.จำกัดแคลอรี่ของเหลว ระวังเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและเครื่องดื่มแคลอรี่สูง เลือกใช้น้ำ ชาสมุนไพร หรือตัวเลือกแคลอรี่ต่ำอื่นๆ

12.วางแผนของว่างเพื่อสุขภาพ เตรียมของว่างเพื่อสุขภาพไว้ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการหยิบตัวเลือกที่ไม่ดีต่อสุขภาพเมื่อคุณหิว ของขบเคี้ยวสามารถช่วยรักษาระดับพลังงานให้คงที่ระหว่างมื้ออาหารได้

13.ติดตามการบริโภคอาหารของคุณ ใช้ไดอารี่อาหารหรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อติดตามมื้ออาหารของคุณ วิธีนี้สามารถเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับนิสัยการกินของคุณและช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้

14.คงเส้นคงวา ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ยึดตามตารางมื้ออาหารของคุณและตัดสินใจเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป

15.ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ลองปรึกษากับนักโภชนาการหรือนักโภชนาการที่ลงทะเบียนเพื่อสร้างแผนการรับประทานอาหารส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลดน้ำหนักและความต้องการด้านสุขภาพของคุณ

บริหารเวลาทำงาน

เวลาว่างหลังเลิกงาน ทำอาชีพเสริมอะไรดี?

เวลาว่างหลังเลิกงาน ทำอาชีพเสริมอะไรดี

การมีอาชีพเสริมเป็นวิธีที่ดีในการใช้เวลาว่างหลังเลิกงานให้เกิดประโยชน์ และมีโอกาสใหม่ๆในการหารายได้เสริม การเลือกอาชีพเสริมขึ้นอยู่กับความสนใจ ทักษะ และเป้าหมายส่วนตัวของคุณ เราคัดสรรอาชีพมาให้คุณบางส่วน ดังต่อไปนี้

1.การทำงานฟรีแลนซ์
หากคุณมีทักษะในการเขียน การออกแบบกราฟิก การพัฒนาเว็บ หรือด้านอื่นๆ การทำงานฟรีแลนซ์อาจเป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นได้ คุณสามารถดำเนินโครงการตามความพร้อมของคุณและสร้างพอร์ตโฟลิโอพร้อมกับหารายได้เสริมได้เลย

2.การสอนหรือการกวดวิชา
หากคุณมีความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คุณสามารถพิจารณาสอนหรือติวในเวลาว่างได้ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตนเองหรือทางออนไลน์ และมักมีความต้องการผู้สอนในวิชาต่างๆ ภาษา หรือการเตรียมสอบ

3.ธุรกิจออนไลน์
หากคุณมีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ การเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า คุณสามารถขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ สร้างและขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัลผ่านช่องทางต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น facebook instagram tiktok หรือแม้แต่สร้างบล็อกหรือช่อง YouTube เพื่อสร้างรายได้ผ่านโฆษณาหรือเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน

4.การให้คำปรึกษา
หากคุณมีความรู้เฉพาะทางหรือประสบการณ์ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง คุณสามารถเสนอความเชี่ยวชาญของคุณในฐานะที่ปรึกษาได้ บริษัทหรือบุคคลจำนวนมากยินดีจ่ายเงินสำหรับคำแนะนำและแนวทางอย่างมืออาชีพในด้านต่างๆ เช่น การตลาด การเงิน ทรัพยากรบุคคล หรือเทคโนโลยี

5.ศิลปะและงานฝีมือ
หากคุณมีทักษะด้านศิลปะหรือชอบงานฝีมือ คุณสามารถสำรวจโอกาสในการขายผลงานสร้างสรรค์ของคุณทางออนไลน์หรือที่ตลาดท้องถิ่น แพลตฟอร์มเช่น Etsy เป็นตลาดซื้อขายสินค้าแฮนด์เมด และคุณสามารถเปลี่ยนงานอดิเรกของคุณให้เป็นกระแสรายได้เสริม

อย่าลืมเลือกอาชีพเสริมที่ตรงกับความสนใจและถนัด เพราะจะทำให้สนุกและเติมเต็มประสบการณ์มากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องจัดการเวลาของคุณอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตที่ดี

เรื่องของเวลา

เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อย

เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อย

ในปัจจุบันมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เราเกิดความสับสนวุ่นวายได้ วันนี้จึงมีเทคนิคการบริหารเวลา ที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในชีวิต และมีเวลาว่างมากขึ้น มาดูกันค่ะว่าเทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อยมีอะไรบ้าง

เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อย

1.การทำ list จัดลำดับความสำคัญงาน
การจัดลำดับความสำคัญของงานถือว่ามีความสำคัญ เราสามารถลำดับความสำคัญของงานจากงานที่ด่วน หรือมีความสำคัญที่สุดในเริ่มต้นของวัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองโล่ง พร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ ๆ ทำให้เราทำงานออกมาได้ดี และเป็นการช่วยทำงานให้ได้ตามเป้ามากขึ้น

2.พิจารณางานแทรก
เชื่อว่างานแทรกนั้น เกิดขึ้นได้เสมอ และตลอดเวลา ดังนั้นหากมีงานแทรกขึ้นมา ให้พิจารณาถึงความ
เร่งด่วนและมีความสำคัญ หรือสามารถมอบหมายให้ทำแทนได้ เพื่อทำให้เกิดการบริหารเวลาได้ง่ายขึ้น และทำให้เราไปเร่งรีบจนเกินไป

3.ประเมินและปรับปรุงตารางเวลาให้มีความเหมาะสม
ขั้นตอนนี้ถือว่ามีความสำคัญ ที่ต่อจากทำ list และการพิจารณางานแทรก เพราะจะทำให้เราทราบว่าสิ่งที่เราได้วางแพลนไว้นั้น มีความถูกต้องและใช้ได้หรือไม่ และควรวางแผนการบริหารเวลาต่อไปอย่างไร เพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการจัดสรรเวลาได้อย่างเหมาะสมลงตัว

4.จัดสรรเวลาและกับการพักผ่อนและการออกกำลังกาย
การพักผ่อนและการออกกำลังกาย ถือว่ามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการบริหาร เพราะจะนำมาซึ่ง
สุขภาพที่ดี ซึ่งหากเรามีสุขภาพที่ดีแล้วก็จะนำมาซึ่งความสุข และอยากจะกระทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อการบริหารจัดการเวลาของเราได้อีกด้วย การพักผ่อนหรือการออกกำลังกายที่เราสามารถทำได้ เช่น การออกเดินทางท่องเที่ยว การอยู่กับครอบครัว หรือ การเล่นกับน้องหมา

5.กำหนดเวลาในการใช้สื่อโซเซียล
ในปัจจุบันสื่อโซเชียลถือว่ามีอิทธิพล ต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก บางคนใช้เวลากับสิ่งเหล่านี้ไปหลายชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่งจะนำมาซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงาน ทำให้ขาดการจัดสรรเวลาที่มีประสิทธิภาพ เราจึงควรจะต้องกำหนดเวลาในการเข้าใช้ให้มีความชัดเจน เช่นไม่ควรเกินวันละ 2 ชั่วโมงต่อวัน และหันมาทำสิ่งอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นมากขึ้น เช่นการอยู่กับครอบครัว หรือการรับประทานอาหารกับครอบครัว แล้วยังจะทำมาซึ่งมิตรภาพที่ดีอีกด้วย

จะเห็นว่าทุกคนมีเวลาเท่ากัน คือ 24 ชั่วโมง และเวลาถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่า เราจึงควรจัดสรรเวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด การบริหารจัดการเวลาที่ดีแล้ว นอกจากจะทำมาซึ่งการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ

Uncategorized

เปิดเทคนิคการบริหารเวลาของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

เปิดเทคนิคการบริหารเวลาของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ

ไม่มีใครหนีความจริงเรื่องทุกคนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันพ้น แต่ทำไมบางคนสามารถบริหารและจัดสรรเวลาเหล่านั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยเฉพาะเหล่านักธุรกิจที่มักสามารถสร้างผลกำไรมหาศาลได้จากเวลาที่มีเท่ากันกับเราทุกคน ถึงพวกเขาจะดูงานยุ่ง แต่น่าแปลกใจที่พวกเขายังมีเวลามากมายในการพักผ่อนและพัฒนาตนเอง คนเหล่านั้นมีเทคนิคอะไรที่ใช้ในการแบ่งเวลาเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จกันแน่ วันนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจด้วยกัน

1.วางแผนอย่างจริงจัง
นักธุรกิจส่วนใหญ่มักจะมีตารางงานที่แน่นอน โดยมีการกำหนดวัน เวลา และเป้าหมายที่ต้องทำให้สำเร็จในแต่ละช่วงเวลาเอาไว้อย่าชัดเจน โดยตารางเวลาเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาจากการวางแผนอย่างจริงจังและรัดกุม โดยพิจารณาจากปัจจัยที่ครอบคลุมเอาไว้อย่างรอบคอบ เมื่อพวกเขามุ่งมั่นทำตามเป้าหมายโดยไม่ย่อท้อ จึงทำให้สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาได้อย่างไม่ยากเย็น

2.ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ที่ทำตามได้ง่าย
หลายคนอ่านข้อแรกแล้วคงรีบลุกขึ้นมาวางแผน ตั้งเป้าหมายสุดยิ่งใหญ่เอาไว้ในใจกันใช่ไหม แต่หยุดก่อน ลองเอาเทคนิคข้อที่สองไปใช้ประกอบกันด้วย เป้าหมายที่ตั้งในแต่ละวันควรเป็นเรื่องเล็ก ควรเป็นสิ่งที่สามารถทำตามได้ง่ายโดยไม่ต้องเหนื่อยยากจนเกินไป เพราะยิ่งเป้าหมายยากและใหญ่ ยิ่งมีโอกาสที่ทำให้เกิดความท้อแท้จนถอดใจไปก่อนที่จะสำเร็จ แต่ถ้าเป็นเรื่องเล็ก ๆ ค่อย ๆ ทำไป คุณจะรู้สึกสบาย ๆ รู้สึกตัวอีกทีจะเดินใกล้จุดหมายในฝันโดยไม่รู้ตัว

3.อย่านอนตื่นสาย
ถ้าตื่นเช้าให้มากขึ้น จะมีเวลาเพิ่มขึ้นโดยที่คุณไม่ทันได้สังเกตมาก่อนเลย เพราะช่วงเวลาในตอนเช้า เป็นเวลาที่ค่อนข้างสงบ ไม่วุ่นวาย จึงทำให้เข้าสู่สมาธิได้ง่าย จึงมีโอกาสที่งานจะถูกทำได้อย่างลุล่วง นอกจากนั้นยังอาจเกิดไอเดียใหม่ ๆ ได้มากขึ้นเช่นกัน

4.มอบหมายงานให้คนอื่นบ้าง
อย่าแบกงานทุกอย่างมาทำคนเดียว คุณต้องรู้จักแบ่งงานและมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้กับคนที่เหมาะสมด้วย เพราะคนเราไม่ได้เก่งทุกอย่าง ถ้าบางสิ่งมีคนเชี่ยวชาญกว่าคุณ คุณสามารถยกงานให้เขาได้ แล้วเอาเวลาไปทำสิ่งที่คุณถนัด ทั้งทีมจะได้บรรลุเป้าหมายไปพร้อมกัน

5.พักบ้างให้สมองได้คิด
ถ้าคุณเอาแต่มุ่งหน้ามุ่งตาทำงาน โดยไม่แบ่งเวลาให้สมองได้พักผ่อนบ้างเลย จะรู้สึกอ่อนล้าจนไม่สามารถไปต่อกับงานในที่สุด ดังนั้นต้องหมั่นหาโอกาสพักผ่อน ให้เวลาสมองได้ตกตะกอนแนวคิดและวิธีการใหม่ ๆ ทำตัวให้สดใส ดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็ง จึงจะสามารถไปถึงจุดหมายได้อย่างมั่นคง

สิ่งนี้เป็นแนวทางในการบริหารเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดจากเหล่านักธุรกิจที่มีประสบการณ์ได้แนะนำมา ต่อให้คุณไม่ใช่ผู้ประกอบการ การนำเรื่องราวเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ จะสามารถทำให้คุณประสบความสำเร็จตามเป้าหมายในใจของคุณได้เช่นกัน ขอเพียงมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น

บริหารเวลาทำงาน

กลยุทธ์การบริหารเวลาให้ Work กับ Life Balance ได้ลงตัว

กลยุทธ์การบริหารเวลาให้ Work กับ Life Balance ได้ลงตัว

มีคนเคยบอกว่า กุญแจสู่การมีชีวิตที่มีความสุขและประสบความสำเร็จก็คือ “การบริหารเวลาให้เป็น” โดยเฉพาะกับการจัดสรรเวลาให้กับงานและการใช้ชีวิตให้มีความสมดุลลงตัว แต่เรื่องนี้ดู ๆ ไปแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องที่ง่าย แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วเป็นอะไรที่ทำยากมาก ๆ เพราะในการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันก็จะเต็มไปด้วยปัจจัยหลาย ๆ ที่ยากจะควบคุม แต่ทุกอย่างจะง่ายขึ้นถ้าเรารู้จัดการเลือกใช้กลยุทธ์การบริหารเวลาที่ลงตัว

1. การจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ

เพราะชีวิตของเราเต็มไปด้วยภารกิจ ที่เป็น Mission ของการใช้ชีวิตที่เรานั้นมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานที่เป็นภาระรับผิดชอบ ไปจนถึงหน้าที่เล็ก ๆ ของการใช้ชีวิตอยู่บ้านอย่างการรดน้ำต้นไม้ เมื่อชีวิตมีหลายอย่างที่ต้องทำ เราจึงควรจะรู้จักการจัดลำดับความสำคัญของหน้าที่ต่าง ๆ เอาทุกเรื่องมาเขียนเป็นรายการ To Do List ว่ามีอะไรต้องทำบ้าง การจัดลำดับแบบนี้จะช่วยให้การใช้ชีวิตของเรามีความเป็นระบบมากขึ้น

2. เวลาที่แบ่งแล้วคือเวลาที่ถูกจัดสรรเอาไว้แล้ว

หลายครั้งอุปสรรคในการทำ To Do List ให้สำเร็จตามลำดับความสำคัญก็อาจมาในรูปของตัวเราเอง คนที่บริหารเวลาไม่ลงตัว ทำงานจนดึกหรือเที่ยวจนทำงานไม่เสร็จคือคนที่ขาดวินัยในการใช้ชีวิต สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ก็คือว่าเมื่อเราได้ทำการแบ่งเวลาให้กับสิ่งที่ต้องทำตามรายการที่เขียนเอาไว้แล้ว ก็ต้องทำเรื่องนั้นให้เสร็จตามที่วางแผนไว้ อย่าข้ามไปทำอย่างอื่นหรือผลัดงานออกไปก่อน ถ้าติดนิสัยแบบนี้ก็อย่าหวังเรื่อง Balance เลย

3. เวลาพักก็ต้องจัดเอาไว้ด้วย

แม้แต่เครื่องจักรก็ยังต้องมีช่วงที่หยุดพักการทำงาน เพราะฉะนั้นมนุษย์อย่างเราเองก็ย่อมที่จะต้องการเวลาสำหรับการพักผ่อนเช่นกัน อย่าพยายามทำตัวเป็นคน Productive มากเกินไป เพราะการมุ่งทำงานหนักจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ไหนจะเรื่องสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานที่จะลดลงเรื่อย ๆ หากโหมงานนานติดต่อกัน สิ่งที่ต้องทำก็คือการจัดเวลาส่วนหนึ่งที่ Fix เลยว่า เวลานี้เราจะใช้สำหรับการพักผ่อน จะเป็นการงีบหลับหรือการรีแลกซ์ดูหนังฟังเพลงก็ได้ นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เสียหายหรอกจริงไหม

ด้วยหลักและกลยุทธ์ในการบริหารเวลาอย่างเข้าใจถึงความสำคัญของแต่ละสิ่งที่ต้องทำ บวกกับการสร้างวินัยในการใช้ชีวิต ทั้งหมดนี้จะช่วยให้สิ่งที่เราต้องการที่เป็นการได้มีเวลาให้กับการทำงานเพื่อความสำเร็จและเวลาสำหรับการใช้ชีวิตให้มีความสุขได้จริง แล้ว Work กับ Life ของเราก็จะลงตัวได้สมใจแน่นอน

บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลาอย่างไรให้ทำงานได้ดีขึ้น

บริหารเวลาอย่างไรให้ทำงานได้ดีขึ้น

การบริหารเวลาให้ดีเป็นคำที่เราทุกคนเคยได้ยินบ่อย ๆ แต่ในทางปฏิบัติแล้วมีคนจำนวนไม่มากนักที่สามารถทำได้จริงในทุกวัน อันที่จริงแล้วเราทุกคนสามารถเริ่มต้นใช้เวลาในทุกวันได้อย่างมีคุณภาพ จากการใส่ใจรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ดังต่อไปนี้

1. ตื่นนอนแต่เช้า
การตื่นนอนแต่เช้าในช่วงเวลา 4:00 น. – 5:00 น. จะทำให้ได้รับออกซิเจนที่บริสุทธิ์ ดีต่อระบบการทำงานของสมองหัวใจ ปอด ยิ่งถ้ามีเวลาเดินออกกำลังกายหรือนั่งสมาธิในตอนเช้าในช่วงเวลาดังกล่าว จะทำให้ได้รับพลังงานที่ดี เสริมพลังใจให้พร้อมต่อการทำงานได้ยาวนาน 10-12 ชั่วโมงต่อวันด้วย

2. นอนหลับในเวลาที่เหมาะสม
เราควรหลับสนิทในช่วง 22:00 น. ถึง 02:00 น. อันเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายหลั่งโกรทฮอร์โมนหรือฮอร์โมนที่ช่วยฟื้นฟูพลังสมองและชะลอความแก่ได้มากที่สุด การนอนหลับสนิทอย่างมีคุณภาพ ส่งผลสำคัญให้อารมณ์แจ่มใสและพลังสมองที่สดชื่น จึงเสริมประสิทธิภาพในการทำงานได้เป็นอย่างดี

3. จดบันทึกสิ่งที่ต้องทำก่อนนอน
การบันทึกสิ่งที่ต้องทำในวันถัดมาตั้งแต่ช่วงก่อนนอนเป็นสิ่งสำคัญ ใช้เวลาเพียงวันละ 10-15 นาทีก่อนนอนทุกคืนบันทึกว่าในวันรุ่งขึ้นมีสิ่งใดที่ต้องทำและเร่งด่วน หรือต้องประสานงานก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ จะทำให้คุณนอนหลับได้สนิท ไม่มีอาการวิตกกังวล เพราะกลัวหลงลืมและเมื่อตื่นเช้าขึ้นมา ก็สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ตามแผนการที่บันทึกไว้ได้ในทันที

4. ทำงานอย่างมีสมาธิ
ไม่ควรทำงานหลายอย่างพร้อมกัน หรือมีสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจ เพราะจะทำให้มีความผิดพลาดในการทำงานได้ เช่น การคิดเรื่องงานไป พร้อมกับการฟังเพลง หรือรับประทานอาหาร จะทำให้ขาดสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ผู้ที่ทำงานต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ ควรอยู่ในห้องเงียบหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ไม่มีเสียงดังรบกวนจากคนรอบข้างด้วย

5. ปฏิเสธหากไม่จำเป็น
คนที่ขี้สงสารและเกรงใจ เมื่อมีคนมาขอความช่วยเหลือมาก มักตกปากรับคำโดยที่ลืมไปว่าตัวเองยังมีงานอื่นค้างอยู่อีกมาก ทำให้งานไม่สำเร็จตามเวลา และยังมีเวลาส่วนตัวน้อยลง เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้ตารางการบริหารเวลางานของคุณรวน ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้บ่อย ๆ วิธีแก้ไขปัญหานี้ คือ การปฏิเสธความช่วยเหลือจากคนอื่นบ้างหากคุณยังมีสิ่งที่ต้องทำอยู่

เทคนิคการบริหารเวลาตามที่กล่าวมานั้น เริ่มมาจากความพร้อมของพลังสมองและพลังใจของตัวคุณเอง ร่วมกับการบริหารจัดการเวลาอย่างมีวินัยตลอดทั้งวัน จะทำให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้นอย่างแน่นอน ทีนี้คุณก็จะมีเวลาว่างเหลือเพื่อเพลิดเพลินกับโปรแกรมบอลพรุ่งนี้ได้อย่างเต็มที่และสบายใจ

เรื่องของเวลา

บริหารเวลาอย่างไรให้มีเวลาเหลือ

บริหารเวลาอย่างไรให้มีเวลาเหลือ

หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างรอบด้าน ต้องฝึกบริหารเวลาอย่างเหมาะสม เพื่อให้มีเวลาเหลือในการทำสิ่งต่าง ๆ ทั้ง ทำงานสร้างรายได้ ท่องเที่ยว พักผ่อน ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตกับครอบครัว ฯลฯ หากไม่เรียนรู้การบริหารเวลาให้ดีแล้ว ก็จะทำให้พลาดโอกาสทำสิ่งที่ต้องการไปอีกมากมาย

ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตต่างให้ความเห็นว่า การบริหารเวลาที่ดีประกอบไปด้วย 2 ส่วนที่สำคัญ คือ การลำดับสิ่งที่ต้องทำก่อนและหลังอย่างเหมาะสม และการมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ หากคุณสามารถลำดับสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี เช่น ทำงานที่ยาก ต้องใช้พลังสมองมาก หรือต้องส่งอย่างเร่งด่วนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แล้วไล่เรียงลำดับความสำคัญเร่งด่วนที่น้อยลงไปเรื่อย ๆ จนถึงงานที่ไม่จำเป็นและไม่เร่งด่วน ที่สามารถมอบหมายให้คนอื่นทำแทนได้ ร่วมกับการมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ต้องทำตรงหน้าเสมอ ไม่วอกแวก จะทำให้ทำงานผิดพลาดน้อยลงและงานเสร็จไวขึ้นแน่นอน

ทั้งนี้ คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารเวลาที่ทุกคนควรนำไปปรับใช้ ได้แก่

  • การตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำก่อนทำงานสัก 15-30 นาที ซึ่งจะทำให้สมองได้รับออกซิเจนจากอากาศบริสุทธิ์และทำให้จิตใจแจ่มใสมากขึ้นด้วย
  • ปิดเครื่องมือสื่อสารในระหว่างการทำงาน คุณควรกำหนดเวลาในการเช็คอีเมลและการเข้าอินเทอร์เน็ตที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน เช่น การเล่น Line Facebook Instagram เพราะจะทำให้เสียสมาธิและทำให้
  • งานผิดพลาดได้ ทั้งนี้อาจตั้งค่าแจ้งเตือนเฉพาะข้อความจากคนสำคัญเท่านั้น
  • ทำงานในสถานที่เหมาะสม ถ้าต้องใช้ความคิดในการทำงานมาก ควรเลือกสถานที่เงียบหรือมีบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวสูง จะทำให้พร้อมต่อการทำงานมากขึ้น
  • นอนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสอง ที่ร่างกายสร้างโกร์ทฮอร์โมนมากที่สุด จะทำให้ลดอาการเหนื่อยล้าหรือง่วงนอนในระหว่างวันได้
  • แต่งกายเรียบง่าย หากศึกษาวิถีชีวิตของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมาย จะพบว่าในวันทำงาน เขาเหล่านั้นจะแต่งตัวเรียบง่ายคล้ายกันทุกวัน เช่น เสื้อเชิ้ตสีโทนเดียวกัน กางเกงสีดำหรือกรมท่า
  • รองเท้าหนัง เพื่อประหยัดเวลาในการตัดสินใจเลือกเสื้อผ้าได้มากขึ้น
  • การวางแผนล่วงหน้า การเตรียมงานของวันรุ่งขึ้น ในช่วงเวลาก่อนนอน 15 นาที จะช่วยลดความเร่งรีบในตอนเช้า ไม่เสี่ยงเจอปัญหารถติด ทั้งทำให้การทำสิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างรอบคอบ

เราเชื่อว่าหากคุณนำเทคนิคและวิธีการที่กล่าวมาข้างต้นไปปรับใช้ จะทำให้การบริหารเวลามีประสิทธิภาพขึ้น และทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างต้องการด้วย

บริหารเวลาทำงาน

ปัญหาจากการบริหารเวลาไม่มีประสิทธิภาพ

ปัญหาจากการบริหารเวลาไม่มีประสิทธิภาพ

เราต่างเคยได้ยินคำกล่าวว่า ในแต่ละวันควรบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในวัยทำงาน เพื่อให้มีหน้าที่การงานที่เติบโตก้าวหน้า ในบทความนี้เราจะมองในมุมกลับกัน คือ ให้คุณได้เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรจะขึ้นบ้าง หากคุณบริหารเวลาอย่างขาดประสิทธิภาพ

1. อาชีพการงานไม่ก้าวหน้า

หากคุณไม่สามารถที่จะควบคุมเวลาในการมาทำงานได้ตรงเวลา หรือไม่สามารถทำงานได้สำเร็จตามเวลาที่เจ้านายสั่ง ก็จะทำให้ผลประเมินคุณภาพการทำงานของคุณได้คะแนนน้อย ส่งผลโดยตรงต่อหน้าที่การงาน ทำให้ไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร ที่สำคัญคือ เงินเดือนของคุณก็จะน้อยกว่าเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ที่มีอายุงานใกล้เคียงกัน

2. ไม่สามารถทำอาชีพเสริมเพื่อสร้างรายได้เพิ่มได้

การทำอาชีพเสริมถือว่าเป็นแหล่งรายได้เพิ่มที่ดี โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผู้คนมีอัตราการแข่งขันกันสูง เมื่อมีอาชีพเสริมจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยทางการเงินและลดความเสี่ยงหากคุณต้องตกอยู่ในภาวะว่างงานกะทันหัน

ถ้าคุณไม่สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็เท่ากับคุณไม่มีโอกาสที่จะใช้เวลาว่างจากการทำงานหลัก ไปสร้างรายได้ใหม่ในรูปแบบต่าง ๆ ได้เลย คนที่มีความใฝ่ฝันอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง หรือมีเงินเก็บมากขึ้น จึงต้องจัดสรรการใช้เวลาอย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้น

3. ขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง

การบริหารจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพนั้นจะทำให้ในแต่ละวันของคุณมีพลังที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ให้ได้ตามเป้าหมาย โดยคุณต้องลงตารางงานเอาไว้ลำดับตามความสำคัญและเร่งด่วน จากขั้นสูงสุดไปขั้นต่ำสุด

เมื่อคุณทำได้ตามเป้าหมายในแต่ละวัน ก็จะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง ว่าสามารถทำงานได้สำเร็จตามที่วางแผนไว้ เจ้านายก็ปลื้มที่มีลูกน้องรับผิดชอบแบบคุณ ลูกน้องก็ยกย่องเอาคุณเป็นตัวอย่าง หากคุณไม่สามารถใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ความภาคภูมิใจเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

4. การมีสุขภาพไม่แข็งแรง

ผู้ที่ไม่รู้จักบริหารเวลาให้เต็มประสิทธิภาพ มักจะมีงานคั่งค้างอยู่ส่วนมาก ทำให้มักต้องเอากลับมาทำต่อที่บ้าน ทั้งยังขาดแรงจูงใจในการที่จะดูแลสุขภาพของตัวเอง ส่งผลเสียในระยะยาว ทำให้สุขภาพอ่อนแอเจ็บป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ง่าย เช่น โรคอ้วน เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ภาวะความดันโลหิตสูง เกิดอาการเครียด เป็นต้น ส่วนคนที่รู้จักบริหารจัดการเวลาตัวเองอย่างดี มักจะมีวินัยในการดูแลสุขภาพตัวเองที่ดีกว่า

จะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาที่ขาดประสิทธิภาพ จะส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของทุกคนทั้งด้านความก้าวหน้า การเงินและสุขภาพ เราหวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านตระหนักถึงความสำคัญในการจัดสรรใช้เวลาอย่างดีที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลเสียต่อตัวเองดังที่กล่าวมา

บริหารเวลาทำงาน

การบริหารเวลาสำคัญอย่างไรต่อชีวิตและการทำงาน

การบริหารเวลาสำคัญอย่างไรต่อชีวิตและการทำงาน

การบริหารเวลาเป็นสิ่งที่ทุกคนจะต้องฝึกฝนให้มีในตัวเองตั้งแต่อายุน้อย เพราะเวลาเป็นทรัพยากรที่ใช้แล้วหมดไป เราไม่สามารถที่จะสร้างวันเวลาย้อนกลับแก้ไขอดีตได้ ดังนั้นผู้ที่วางแผนการใช้เวลาให้มีคุณภาพตลอด 24 ชั่วโมง และมีวินัยในการใช้ชีวิตก็จะทำให้มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่าผู้อื่น ทั้งในด้านการงาน ชีวิตส่วนตัว และสุขภาพ

สิ่งที่จะได้จากการบริหารเวลาที่มีคุณภาพ มีดังนี้

– เพิ่มประสิทธิภาพในแต่ละวัน การวางแผนใช้เวลาในแต่ละวัน เราควรจะต้องมีไดอารี่หรือโปรแกรมในมือถือที่ช่วยบันทึกว่าจะทำกิจกรรมใด ในช่วงเวลาใดบ้างของวัน และต้องลำดับความสำคัญให้เหมาะสม ซึ่งจะทำให้ชีวิตเป็นเรื่องที่ง่ายไม่ยุ่งยาก ลดปัญหางานพอกหางหมูได้ด้วย

– มีเป้าหมายของชีวิตในทุกวัน การกำหนดความสำเร็จในชีวิตระยะ 5 ปี 10 ปี หรือหลังเกษียณ ต้องมาจากมีเป้าหมายการใช้เวลาทุก ๆ วันให้ชัดเจน คนที่มีฐานะร่ำรวยหรืออยู่ในตำแหน่งสูงของมีสายอาชีพ มักมีเป้าหมายในการทำงานให้สำเร็จแต่ละชิ้นเป็นอย่างดีในทุกวัน เพราะมักคิดว่าความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำทุกวันเมื่อสะสมจะรวมกันเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน

– เห็นคุณค่าของเวลา การรู้จักแบ่งเวลาให้ดีในทุกวัน จะทำให้คุณมีสติกับการอยู่กับชิ้นงานตรงหน้ามากยิ่งขึ้น หากพูดคุยเจรจากับคนอื่นก็จะให้ความสำคัญกับคุณภาพเนื้อหาที่จะคุย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดมากกว่าการเสียเวลาพูดเรื่องไร้สาระหรือเรื่องราวในอดีตและอนาคตที่ยังมาไม่ถึง อันทำให้จิตใจฟุ้งซ่านและไม่เกิดประโยชน์ต่องานที่ต้องทำ

– แบ่งเวลาได้อย่างสมดุล ในแต่ละวันที่มี 24 ชั่วโมง เราให้เวลากับการนอนพักผ่อน 8 ชั่วโมง และส่วนที่เหลือเราจะต้องให้ความสำคัญอย่างสมดุลกับเรื่องสุขภาพ การงาน การเงิน ทั้งการดูแลคนในครอบครัว พ่อแม่ลูกหลาน การดูแลสุขภาพตัวเอง ด้วยการออกกำลังกาย การทำให้สุขภาพจิตดี ด้วยการทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ เช่น อ่านหนังสือ การทำงานประดิษฐ์ DIY และการตั้งใจทำงานในเวลาที่กำหนดให้ดีที่สุด เพื่อให้คุณสามารถเติบโตได้ก้าวไกลในสายงานที่คุณประกอบอาชีพอยู่

– ทำให้ตัวเองเป็นที่น่าเชื่อถือ คนที่แบ่งเวลาได้ดี จะประสบความสำเร็จในชีวิตและเป็นต้นแบบให้คนอื่นได้ ทำให้สามารถแบ่งปันประสบการณ์เพื่อให้คนรุ่นใหม่หรือคนรอบข้างนำไปปรับใช้ได้ด้วย

จะเห็นได้ว่าการบริหารเวลานั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งในปัจจุบันทุกคนต้องทำกิจกรรมมากมายในแต่ละวัน เราจึงหวังว่า บทความนี้จะช่วยให้ทุกท่านเห็นความสำคัญของการบริหารจัดสรรเวลาได้อย่างดียิ่งขึ้นต่อไป

สิ่งที่จะได้จากการบริหารเวลาที่มีคุณภาพ

บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคบริหารเวลาสำหรับพนักงานออฟฟิศ

การทำงานประจำแบบ พนักงานออฟฟิศ จะต้องมีการบริหารเวลาอย่างเหมาะสม เพื่อให้งานที่ได้รับมอบหมายประสบความสำเร็จ ทำได้ตามเป้าหมายในแต่ละวัน ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ อีกทั้งยังทำให้องค์กรเติบโตได้ในทิศทางที่ดียิ่งขึ้น เราจึงได้รวบรวมเทคนิคการบริหารเวลาสำหรับพนักงานออฟฟิศมาฝากกัน สำหรับให้ทุกท่านนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้

เทคนิคจะช่วยให้ท่านสามารถบริหารเวลาได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

1. เลือกเวลาออกเดินทางให้เร็วกว่าปกติ เพื่อไปถึงที่ทำงานแต่เช้าตรู่ หลีกเลี่ยงช่วงเวลารถติดที่ทำให้คุณต้องเสียอารมณ์และทำให้เสียค่าน้ำมันเชื้อเพลิงมากกว่าปกติ การไปถึงที่ทำงานแต่เช้า ทำให้คุณมีเวลาในการรับประทานมื้อเช้าและเตรียมตัวให้พร้อม เพื่อที่จะรับมือกับงานที่ต้องทำในแต่ละวันได้ ด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่งยิ่งขึ้น

2. ใช้ตาราง Excel หรือสมุดไดอารี่ ในการบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน โดยแบ่งเป็นช่วงเวลาเช้าถึงเย็น แบ่งเป็นทุก ๆ ชั่วโมง ซึ่งกำหนดลงในตารางว่าจะต้องทำอะไร ประสานงานกับใครบ้าง เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้อย่างรวดเร็วเมื่อถึงกำหนดเวลาที่วางแผนไว้ ซึ่งมีผลดีคือ ทำให้จิตใจไม่วอกแวกไปกับเรื่องที่ไม่จำเป็น เช่น การคุยไลน์ การเล่น Facebook หรือ Instagram ในระหว่างเวลาทำงาน

3. ใส่ใจสิ่งแวดล้อมบนโต๊ะทำงาน เช่น การจัดแฟ้มเอกสารให้เป็นระเบียบ การเก็บเครื่องเขียนในลิ้นชักให้เรียบร้อย เพราะจะช่วยให้รู้สึกอยากทำงานมากขึ้น และทำให้ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาเอกสารหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ

4. เมื่อถึงเวลาทำงานตามแผน ต้องทำทันที อย่าคิดผัดวันประกันพรุ่ง แม้จะรู้สึกเหนื่อยหน่าย เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้งานสำเร็จได้แล้ว ยังส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพในการใช้เวลาทั้งวันที่เหลือไปด้วย

5. เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ของอุปกรณ์ไอทีเสมอ เช่น หากคุณทำงานเกี่ยวกับการทำคอมพิวเตอร์กราฟิก ก็ควรศึกษาเทคนิคใหม่ ๆ ในการวาดรูปหรือออกแบบให้ได้ผลสำเร็จที่รวดเร็วและสวยงามยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีในการทำงานให้แล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว และทำให้ได้ผลงานที่ถูกใจเจ้านายมากยิ่งขึ้นด้วย

6. เมื่อเครียดให้ใช้การผ่อนคลาย ด้วยการฟังเพลงเบา ๆ ระหว่างทำงาน แทนการชวนเพื่อนร่วมงานคุย หรือไปอยู่ในห้องพักเบรกนาน ๆ เพราะจะทำให้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนมากเกินไป จนทำให้ตารางงานที่ตั้งใจไว้ไม่สำเร็จได้

7. ให้คำแนะนำแทนการลงมือช่วยเหลือด้วยตนเอง เมื่อมีลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานมาขอความช่วยเหลือในขณะที่ยังมีภาระติดพันกับการทำงานที่สำคัญและเร่งด่วน ควรปฏิเสธไป และให้คำแนะนำเป็นวิธีสืบค้นหาคำตอบ แทนการสอนโดยตรง

จะเห็นได้ว่า การบริหารเวลาที่แนะนำมาทั้ง 7 ข้อนั้น เป็นสิ่งที่พนักงานออฟฟิศสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที เพื่อให้การใช้เวลาในแต่ละวันมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และได้ผลงานที่ถูกต้องตามมาตรฐานของงาน ทำให้มีโอกาสเติบโตในหน้าที่การงานมากยิ่งขึ้น

เทคนิคบริหารเวลาสำหรับพนักงานออฟฟิศ