Browse Category by บริหารเวลาทำงาน
บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคบริหารเวลาเพื่องานที่ดีและชีวิตสุดปัง

เทคนิคบริหารเวลาเพื่องานที่ดีและชีวิตสุดปัง

คำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีจัดการเวลาให้ดีมีดังนี้

ระวังว่าคุณใช้เวลาอย่างไร: ติดตามกิจกรรมของคุณสักวันหรือสองวันเพื่อดูว่าเวลาของคุณไปไหนจริงๆ วิธีนี้สามารถช่วยคุณระบุจุดที่คุณสามารถมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น

ตั้งเป้าหมาย: คุณต้องการบรรลุอะไรด้วยเวลาของคุณ? การมีเป้าหมายที่เจาะจงจะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของงานและมีแรงบันดาลใจอยู่เสมอ

สร้างตารางเวลา: กันเวลาสำหรับงานที่สำคัญที่สุดของคุณในแต่ละวัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิและหลีกเลี่ยงการถูกกีดกัน

จัดลำดับความสำคัญงานของคุณ: งานบางงานไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเท่ากัน ใช้ระบบเช่น Eisenhower Matrix เพื่อจัดลำดับความสำคัญของงานของคุณตามความเร่งด่วนและความสำคัญ

เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ: อย่าให้คำมั่นสัญญามากเกินไป คุณสามารถปฏิเสธคำขอที่ไม่สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของคุณได้

ลดสิ่งรบกวนสมาธิ: ปิดการแจ้งเตือน ปิดเสียงโทรศัพท์ และค้นหาสถานที่เงียบสงบในการทำงานเมื่อคุณต้องการมีสมาธิ

หยุดพัก: กำหนดเวลาพักช่วงสั้นๆ ตลอดทั้งวันเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ

มอบหมายงานหรือจ้างบุคคลภายนอก: หากเป็นไปได้ มอบหมายงานให้กับผู้อื่นหรือจ้างบุคคลภายนอกเพื่อเพิ่มเวลาของคุณ

ให้รางวัลตัวเอง: เฉลิมฉลองความสำเร็จของคุณเพื่อให้มีแรงบันดาลใจอยู่เสมอ

เมื่อปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะได้เรียนรู้การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและบรรลุเป้าหมาย

บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคการบริหารเวลา หากรู้ตัวเองงานยุ่ง ควรทำอย่างไร

เทคนิคการบริหารเวลา หากรู้ตัวเองงานยุ่ง ควรทำอย่างไร

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณจัดการกับงานและชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือเทคนิคที่อาจช่วยให้คุณบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อคุณรู้ว่างานของคุณเริ่มเยอะขึ้น:

1. ตั้งเป้าหมายและลำดับความสำคัญ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับงานที่ต้องทำและจัดลำดับความสำคัญของมัน เรียงลำดับงานตามความสำคัญเพื่อให้สามารถเริ่มต้นทำงานจากงานที่สำคัญที่สุดก่อน

2. ใช้เครื่องมือช่วย ใช้เครื่องมือการจัดการเวลา เช่น ปฏิทินออนไลน์ แอพพลิเคชันการจัดการงาน เพื่อช่วยในการวางแผนและติดตามการดำเนินการ

3. แบ่งเวลา แบ่งเวลาอย่างเหมาะสมระหว่างงานต่าง ๆ เพื่อให้มีเวลาที่เพียงพอสำหรับการทำงานแต่ละส่วนโดยไม่เกิดการชนกัน

4. ปรับเปลี่ยนเป็นของประจำ ลองสร้างนิสัยในการทำงานเป็นของประจำ เช่น การทำงานเป็นส่วนของชีวิตประจำวัน เพื่อให้งานไม่เกิดการค้างคา และลดความเครียด

5. ระงับการสะสมงาน พยายามทำงานทันทีเมื่อมีงานใหม่เกิดขึ้นและไม่เก็บสะสมงานไว้เกินไป ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกยุ่งเหยิงได้

6. พักผ่อนอย่างเหมาะสม จัดเวลาพักผ่อนให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปได้โดยไม่รู้สึกต่อว่าง

7. ปฏิเสธงานที่ไม่สำคัญ ไม่เข้าใจว่างานบางอย่างไม่สำคัญเท่ากับการไม่ต้องทำมัน ลองปฏิเสธงานที่ไม่สำคัญหรือสามารถนำเสนอว่าจะทำในภายหลังได้

การบริหารเวลาเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงและประสบความสำเร็จในระยะยาว จึงควรจะทำการทดลองเทคนิคต่าง ๆ เพื่อค้นหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับคุณ

บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลาสำหรับการเลี้ยงลูกเด็ก

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลี้ยงเด็กเพราะช่วยให้คุณ

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลี้ยงเด็กเพราะช่วยให้คุณ

-จัดระเบียบและติดตาม

-หลีกเลี่ยงความรู้สึกท่วมท้น

-ใช้เวลากับลูกๆ ให้คุ้มค่าที่สุด

-ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ ปลอดภัยและได้รับการดูแลอย่างดี

คำแนะนำสำหรับการบริหารเวลาในการเลี้ยงเด็ก

1.วางแผนล่วงหน้า ก่อนที่เด็กๆ จะมาถึง ใช้เวลาในการวางแผนกิจกรรมของคุณในแต่ละวัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณไม่พลาดและหลีกเลี่ยงการเสียเวลา

2.ตั้งความคาดหวังที่เป็นจริง อย่าพยายามยัดเยียดมากเกินไปในหนึ่งวัน การมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณทำได้ดี ดีกว่าพยายามทำมากเกินไปแล้วจบลงด้วยความเครียด

3.มีความยืดหยุ่น สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไป ดังนั้นให้เตรียมปรับเปลี่ยนตารางเวลาของคุณตามความจำเป็น

4.หยุดพัก สิ่งสำคัญคือต้องหยุดพักตลอดทั้งวัน แม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม สิ่งนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ

5.มอบหมายงาน หากเด็กๆ อายุมากพอ คุณสามารถมอบหมายงานบางอย่างให้พวกเขาได้ เช่น จัดโต๊ะหรือช่วยทำความสะอาด

6.ส่งเสริมการเล่นอย่างอิสระ นี่จะทำให้คุณมีเวลาทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จโดยไม่ต้องคอยดูแลเด็กๆ อยู่ตลอดเวลา

7.เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด มีแผนในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เด็กได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย

เมื่อปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะสามารถจัดการเวลาในการเลี้ยงเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรับประกันว่าเด็กๆ จะได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัยและสนุกสนาน

คำแนะนำเพิ่มเติมที่อาจเป็นประโยชน์มีดังนี้

-สื่อสารกับผู้ปกครองเกี่ยวกับความคาดหวังและความต้องการของเด็กๆ

-สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบายให้กับเด็กๆ

-จงอดทนและเข้าใจ

-มีความสุข!

ด้วยทักษะการบริหารเวลาที่ดี คุณสามารถเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ประสบความสำเร็จและมอบประสบการณ์เชิงบวกให้กับเด็กๆ ได้

 

บริหารเวลาทำงาน

เวลาว่างหลังเลิกงาน ทำอาชีพเสริมอะไรดี?

เวลาว่างหลังเลิกงาน ทำอาชีพเสริมอะไรดี

การมีอาชีพเสริมเป็นวิธีที่ดีในการใช้เวลาว่างหลังเลิกงานให้เกิดประโยชน์ และมีโอกาสใหม่ๆในการหารายได้เสริม การเลือกอาชีพเสริมขึ้นอยู่กับความสนใจ ทักษะ และเป้าหมายส่วนตัวของคุณ เราคัดสรรอาชีพมาให้คุณบางส่วน ดังต่อไปนี้

1.การทำงานฟรีแลนซ์
หากคุณมีทักษะในการเขียน การออกแบบกราฟิก การพัฒนาเว็บ หรือด้านอื่นๆ การทำงานฟรีแลนซ์อาจเป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นได้ คุณสามารถดำเนินโครงการตามความพร้อมของคุณและสร้างพอร์ตโฟลิโอพร้อมกับหารายได้เสริมได้เลย

2.การสอนหรือการกวดวิชา
หากคุณมีความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คุณสามารถพิจารณาสอนหรือติวในเวลาว่างได้ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตนเองหรือทางออนไลน์ และมักมีความต้องการผู้สอนในวิชาต่างๆ ภาษา หรือการเตรียมสอบ

3.ธุรกิจออนไลน์
หากคุณมีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ การเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า คุณสามารถขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ สร้างและขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัลผ่านช่องทางต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น facebook instagram tiktok หรือแม้แต่สร้างบล็อกหรือช่อง YouTube เพื่อสร้างรายได้ผ่านโฆษณาหรือเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน

4.การให้คำปรึกษา
หากคุณมีความรู้เฉพาะทางหรือประสบการณ์ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง คุณสามารถเสนอความเชี่ยวชาญของคุณในฐานะที่ปรึกษาได้ บริษัทหรือบุคคลจำนวนมากยินดีจ่ายเงินสำหรับคำแนะนำและแนวทางอย่างมืออาชีพในด้านต่างๆ เช่น การตลาด การเงิน ทรัพยากรบุคคล หรือเทคโนโลยี

5.ศิลปะและงานฝีมือ
หากคุณมีทักษะด้านศิลปะหรือชอบงานฝีมือ คุณสามารถสำรวจโอกาสในการขายผลงานสร้างสรรค์ของคุณทางออนไลน์หรือที่ตลาดท้องถิ่น แพลตฟอร์มเช่น Etsy เป็นตลาดซื้อขายสินค้าแฮนด์เมด และคุณสามารถเปลี่ยนงานอดิเรกของคุณให้เป็นกระแสรายได้เสริม

อย่าลืมเลือกอาชีพเสริมที่ตรงกับความสนใจและถนัด เพราะจะทำให้สนุกและเติมเต็มประสบการณ์มากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องจัดการเวลาของคุณอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตที่ดี

บริหารเวลาทำงาน

ลงทุนอะไรดีให้มีกำไรในวิกฤติเงินเฟ้อ

ลงทุนอะไรดีให้มีกำไรในวิกฤติเงินเฟ้อ

ทุกคนในสังคมคงจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่าค่าครองชีพต่าง ๆ ในปัจจุบันมีราคาที่พุ่งสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับในอดีต ดูตัวอย่างได้ง่าย ๆ จากราคาอาหารตามสั่ง ในอดีตข้าว 1 จานยังพอหาซื้อได้ในราคา 30-40 บาท แต่ในปัจจุบันควรมีเงินอย่างน้อย 50-60 บาทแล้ว เงินสดที่ถืออยู่ในมือจึงนับว่ามีมูลค่าลดลงไปเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีการนำไปบริหารจัดการให้เกิดการงอกเงย วันนี้เราจึงมาแนะนำสินทรัพย์ที่เหมาะกับการลงทุนในวิกฤติเงินเฟ้อ เพื่อให้สามารถรักษามูลค่าเงินที่มีเอาไว้ได้อย่างมั่นคง

ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล หมายความว่าไม่ว่าจะไปประเทศไหนในโลก ทองคำจะยังคงมีค่านั่นเอง นอกจากนั้นทองคำยังมีสภาพคล่องสูง การซื้อขายสามารถทำได้ง่ายในหลายตลาด ราคาเป็นไปในทิศทางเดียวกับเงินเฟ้อ แถมถ้ามีวิกฤตอะไรบนโลก ราคาทองจะยิ่งสูงขึ้นไปอีก จึงเหมาะกับการสะสมเพื่อทำกำไรในอนาคตเป็นอย่างมาก

ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นจากต้นทุนค่าก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น เช่น ค่าวัสดุก่อสร้าง ค่าแรงของช่าง ทำให้ราคาของทรัพย์สินนี้มีการขยับขึ้นในทางเดียวกับเงินเฟ้อ ยิ่งถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ในทำเลที่ยอดเยี่ยม ราคาจะพุ่งสูงขึ้นอีกจากอุปสงค์ของคนในพื้นที่นั้นๆ จะซื้อไว้เก็งกำไรหรือปล่อยเช่าก็นับเป็นไอเดียที่ดี จึงนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพียงแค่จำเป็นต้องมีเงินก้อนใหญ่ในการลงทุน กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน เป็นกองทุนที่ระดมเงินจากนักลงทุนรายย่อยเพื่อลงทุนในกิจการเกี่ยวกับโครงสร้างในการพัฒนาประเทศ เช่น ถนน ทางด่วน พลังงาน ระบบขนส่ง จึงทำให้เป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมั่นคง และกองทุนประเภทนี้จะมีการปรับราคาสูงขึ้นเพราะได้อานิสงส์จากเงินเฟ้อนั่นเอง

หุ้นตลาดเกิดใหม่เป็นการลงทุนในประเทศที่มีโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง แต่ยังมีข้อจำกัดบางอย่างทำให้ไม่สามารถพัฒนาได้อย่างเต็มที่ เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต จึงนับเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว หุ้นกู้เอกชนหุ้นกู้มีอีกชื่อเรียกที่คุ้นหูคนทั่วไปมากกว่าคือ ตราสารหนี้ นั่นเอง ซึ่งเป็นการระดมเงินทุนจากรายย่อยโดยมีจุดมุ่งหมายจะนำไปประกอบกิจการให้เติบโตขึ้นของภาคเอกชน จึงมีดอกเบี้ยที่ดึงดูดใจ หากเลือกบริษัทที่มั่นคงจะมีโอกาสทำกำไรได้ดี

ทั้งหมดนี้เป็นตัวอย่างของการลงทุนที่มีโอกาสเติบโตชนะเงินเฟ้อได้ แต่อย่าลืมว่าทุกครั้งที่ลงทุนเป็นเหมือนข้อตกลงว่าจะต้องรับความเสี่ยงให้ได้ ดังนั้นต้องมีการศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ให้ถี่ถ้วนและเลือกสินทรัพย์ที่ตรงใจ และสอดคล้องกับความต้องการของตนเอง พอร์ตการลงทุนจึงจะเติบโตได้อย่างมั่นคง จึงต้องมีการบริหารเวลาให้ดีในการลงทุนต่าง อย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันคือการเดิมพันฟุตบอลมีตลอด 24 ชั่วโมงให้เลือก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องเสาะหาสถิติการเล่นจากผลงานย้อนหลังก่อน เพราะผลกำไรในการลงทุน และต้องอาศัยเวลาในการแทงด้วยหากเล่นบอลไลฟ์ ไม่งั้นอาจจะผิดหวัง

บริหารเวลาทำงาน

5 เคล็ดลับการบริเวลา เพื่อจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

5 เคล็ดลับการบริเวลา เพื่อจัดการปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ

เวลาเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดในแต่ละวัน ทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่คนที่บริหารเวลาที่มีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดจะมีโอกาสประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่าและสามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างราบรื่น โดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้าจนเกินไป วิธีในการแบ่งเวลาเพื่อรับมือกับปัญหามีหลากหลายรูปแบบ โดยมี 5 เคล็ดลับที่ทุกคนสามารถปรับใช้กับตัวเองได้ดังนี้

วางแผนก่อนลงมือทำ
การวางแผนก่อนที่จะลงมือแก้ปัญหาต่าง ๆ เป็นเรื่องพื้นฐานที่ทำให้เห็นภาพรวมของปัญหาและขอบเขตความสามารถของตนเองอย่างชัดเจน เห็นแนวทางของปัญหา และสามารถบริหารทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด การวางแผนเป็นเวลาสำคัญในการกำหนดเป้าหมายของงานที่ทำให้สามารถมุ่งตรงไปสู่ทางออกได้อย่างรวดเร็วและตรงประเด็น ลองหยิบแพลนเนอร์ดี ๆ ซักเล่มมาวางแผนชีวิตกันดู

กำหนดเกณฑ์เวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ
หลายครั้งเส้นตายจะทำให้คนเกิดแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น เพราะเป็นการกระตุ้นให้เกิดความท้าทายและสร้างพลังในการทำงาน เมื่อต้องรับมือกับปัญหาหรือชิ้นงาน ให้ลองกำหนดเดดไลน์ให้กับงานชิ้นนั้นขึ้นมา และพยายามบริหารเวลาที่มี ลดการผลัดวันประกันพรุ่งเพื่อไปสู่ทางออกของปัญหา

จัดลำดับความสำคัญของปัญหา
บางครั้งเมื่อมีปัญหาเข้ามาในชีวิตหลายเรื่องพร้อม ๆ กัน อาจทำให้เกิดอาการลนลาน และไม่สามารถรับมือกับเรื่องเหล่านั้นอย่างทันท่วงที วิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ คือการจัดลำดับความสำคัญของเรื่องที่ต้องทำ โดยอาจจะไล่จากความจำเป็นมากที่สุดไปน้อยที่สุด หรืออาจจะจัดจากยากไปง่าย จะทำให้เราเห็นแนวทางในการรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเป็นลำดับขั้นตอน

ลงมือทำทันทีที่เกิดไอเดีย
บางครั้งเมื่อเกิดไอเดียในการทำเรื่องต่าง ๆ หรือคิดทางออกในการแก้ปัญหาออกได้ แต่ถ้าเราปล่อยเวลาผ่านไปโดยไม่ลงมือทำตามไอเดียนั้น เราอาจจะหลงลืมและพลาดโอกาสในการเอาชนะปัญหาไปอย่างน่าเสียดาย ดังนั้นครั้งหน้าถ้ามีไอเดียอะไรที่น่าสนใจควรลงมือทำทันที

รู้จักให้รางวัลตัวเองด้วยการหยุดพัก
การเคร่งเครียดและกดดันตนเองมากเกินไป บางครั้งทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี เพราะทำให้การตัดสินใจแย่ลงและอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มปัญหาให้กับชีวิตมากไปกว่าเดิม ดังนั้นการสร้างสมดุลในชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญ รู้จักปล่อยวางปัญหาและหยุดพักเพื่อเป็นการพักผ่อนสมองและร่างกาย เช่น การทำงานอดิเรก การใช้เวลากับครอบครัวหรือเพื่อน การออกไปเที่ยว จะเป็นการเพิ่มพลังให้กับตนเองในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ในหลาย ๆ ครั้งไอเดียดี ๆ สามารถเกิดขึ้นนอกห้องทำงานในช่วงเวลาที่สมองปลอดโปร่งเช่นกัน
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการดี ๆ ในการบริหารเวลาเพื่อจัดการภาระปัญหาต่าง ๆ ที่นำมาฝากกัน จะเห็นว่าการวางแผนและลงมือทำอย่างตั้งอกตั้งใจโดยไม่ผลัดวันประกันพรุ่งจะช่วยให้งานต่าง ๆ มีความก้าวหน้าอย่างชัดเจน หากใครยังไม่เคยลองจัดการวางแผนการใช้เวลาด้วยวิธีการเหล่านี้สามารถลองปรับใช้ให้เหมาะสมกับสไตล์การทำงานของตนเองได้เลย แล้วอย่าลืมแบ่งเวลาพักผ่อน ดูแลสุขภาพของตนเองเพื่อให้มีพลังกายพลังใจในการต่อสู้กับปัญหาด้วย

บริหารเวลาทำงาน

แนะนำ 5 เทคนิค บริหารเวลา ให้มีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาตนเอง

แนะนำ 5 เทคนิค บริหารเวลา ให้มีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาตนเอง

คนเราทุกคนล้วนมีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากันในแต่ละวัน แต่เหตุใดหลายคนจึงมักพร่ำบ่นกับตนเองว่า ไม่มีเวลา นั่นเพราะการไม่ตระหนักถึงความสำคัญของเวลาและเพราะเวลามันฟรี จึงทำเหมือนไม่มีค่า โดยหารู้ไม่ว่าแต่ละวินาทีที่ผ่านพ้นไปนั้นมีค่ามากเพียงใด โดยในวันนี้จะมาแนะนำวิธีการ บริหารเวลา ในแต่ละวันให้มีประสิทธิภาพ เพื่อโอกาสใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา

แบ่งเวลา

สิ่งแรกที่ควรทำคือการแบ่งเวลา ในทีนี้จะแบ่งเวลาออกเป็น 3 ส่วนจากจำนวน 24 ชั่วโมงให้เท่ากัน ดังนี้

ส่วนที่ 1 สำหรับการพักผ่อน จำนวน 8 ชั่วโมง
ส่วนที่ 2 สำหรับการทำงานหรือเรียนหนังสือ จำนวน 8 ชั่วโมง
ส่วนที่ 3 สำหรับการเดินทางและพัฒนาตนเอง

จะเห็นว่าเมื่อแบ่งเวลาออกมาเป็น 3 ส่วนแล้ว จะมีส่วนที่ 3 ที่มีเวลาว่างมากถึง 8 ชั่วโมง คุณสามารถที่จะนำเวลาดังกล่าวไปพัฒนาตนเอง พัฒนาความรู้ เพื่อเสริมสร้างโอกาสในทางการเงินให้กับตนเองได้ หรือใช้เวลาส่วนนี้ในการออกกำลังกายหรือพักผ่อนระหว่างวันได้

สร้างตารางในชีวิตประจำวัน

หลังจากที่แบ่งเวลาออกเป็น 3 ส่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้กำหนดตารางเวลาในชีวิตประจำวันลงไป เพื่อที่จะปฏิบัติตาม เช่น ในช่วงเวลา เวลา 21.00-05.00 น. เป็นช่วงเวลาพักผ่อน 05.00-05.30 น. อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน 05.30-06.00 น. เดินทางไปทำงาน 06.00-06.30 น. รับประทานอาหารเช้า 06.30-08.00 อ่านหนังสือหรือทบทวนงานของวันนี้ จากนั้นก็เริ่มทำงาน จะเห็นว่าหลังเวลางานตั้งแต่ 16.00-21.00 น. จะมีเวลาว่างประมาณ 5 ชั่วโมง สามารถที่จะจัดสรรไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์เพิ่มเติมได้

พิจารณางานสำคัญก่อนและหลัง

การจัดอันดับก่อนหลังความสำคัญของงานจะช่วยให้ทำงานง่ายขึ้นและตรงตามวัตถุประสงค์ เพราะในชีวิตประจำวันบอกได้เลยว่าทุกคนต้องเผชิญกับงานด่วนมาก ด่วนน้อย หากพิจารณาถึงความสำคัญและเร่งด่วนจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น งานด่วนก็ได้ งานประจำก็เยี่ยม

กล้าที่จะปฏิเสธ

ในชีวิตคนทำงานเชื่อได้ว่าทุกคนจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังเลิกงานมักจะเป็นช่วงที่หลายคนต้องการ Relax พักผ่อนและดื่มกินในช่วงเวลางาน ซึ่งอยากให้หัดปฏิเสธคำชวนของบรรดาเพื่อนในที่ทำงานดูบ้าง เพื่อที่จะมีเงินเหลือเก็บและนำเวลาที่มีค่าเหล่านั้นไปหากิจกรรมอย่างอื่นเสริมเพื่อเพิ่มรายได้มากกว่า เพราะอย่าลืมว่าการที่คุณมีรายได้จากช่องทางเดียวในปัจจุบันไม่เพียงพอแล้ว จะต้องมีไม่ต่ำกว่า 2 อาชีพในเวลาเดียวกันได้ ดังนั้นหัดปฏิเสธบ้างก็ได้เวลาที่คนในออฟฟิศมาชวนไปดื่มหรือสังสรรค์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

ออกกำลังกายบ้าง

แม้ช่วงเย็นจะเหลือเวลาอยู่เพียง 4-5 ชั่วโมง ก่อนที่จะเข้านอนในตอนหัวค่ำ ให้แบ่งเวลาอย่างน้อย 30 -60 นาที ในการออกกำลังกาย เพื่อที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและเป็นการปลดปล่อย ทบทวนความคิดหรืองานในแต่ละวันที่ทำมา เพื่อที่จะนำความคิดเหล่านั้นมาประมวลผลเพื่อทำงานให้ดียิ่งขึ้น อย่าลืมว่าเวลาที่งานมีปัญหา มักจะคิดไม่ค่อยออกในช่วงเวลางาน แต่มักจะมาคิดออกในช่วงที่ไม่ได้ทำงานอยู่เสมอ

สำหรับใครที่ชอบอ้างไม่มีเวลา อย่าลืมนำเอาเทคนิคการบริหารเวลาไปใช้ รับรองได้เลยว่าจะทำให้คุณมีเวลาเหลือจากการทำงานมากขึ้นและมีเวลาในการพัฒนาตนเองเพื่อที่จะสร้างโอกาสและรายได้ที่จะเข้ามามากยิ่งขึ้นนั่นเอง

บริหารเวลาทำงาน

กลยุทธ์การบริหารเวลาให้ Work กับ Life Balance ได้ลงตัว

กลยุทธ์การบริหารเวลาให้ Work กับ Life Balance ได้ลงตัว

มีคนเคยบอกว่า กุญแจสู่การมีชีวิตที่มีความสุขและประสบความสำเร็จก็คือ “การบริหารเวลาให้เป็น” โดยเฉพาะกับการจัดสรรเวลาให้กับงานและการใช้ชีวิตให้มีความสมดุลลงตัว แต่เรื่องนี้ดู ๆ ไปแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องที่ง่าย แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วเป็นอะไรที่ทำยากมาก ๆ เพราะในการใช้ชีวิตของเราในแต่ละวันก็จะเต็มไปด้วยปัจจัยหลาย ๆ ที่ยากจะควบคุม แต่ทุกอย่างจะง่ายขึ้นถ้าเรารู้จัดการเลือกใช้กลยุทธ์การบริหารเวลาที่ลงตัว

1. การจัดลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ

เพราะชีวิตของเราเต็มไปด้วยภารกิจ ที่เป็น Mission ของการใช้ชีวิตที่เรานั้นมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานที่เป็นภาระรับผิดชอบ ไปจนถึงหน้าที่เล็ก ๆ ของการใช้ชีวิตอยู่บ้านอย่างการรดน้ำต้นไม้ เมื่อชีวิตมีหลายอย่างที่ต้องทำ เราจึงควรจะรู้จักการจัดลำดับความสำคัญของหน้าที่ต่าง ๆ เอาทุกเรื่องมาเขียนเป็นรายการ To Do List ว่ามีอะไรต้องทำบ้าง การจัดลำดับแบบนี้จะช่วยให้การใช้ชีวิตของเรามีความเป็นระบบมากขึ้น

2. เวลาที่แบ่งแล้วคือเวลาที่ถูกจัดสรรเอาไว้แล้ว

หลายครั้งอุปสรรคในการทำ To Do List ให้สำเร็จตามลำดับความสำคัญก็อาจมาในรูปของตัวเราเอง คนที่บริหารเวลาไม่ลงตัว ทำงานจนดึกหรือเที่ยวจนทำงานไม่เสร็จคือคนที่ขาดวินัยในการใช้ชีวิต สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้ก็คือว่าเมื่อเราได้ทำการแบ่งเวลาให้กับสิ่งที่ต้องทำตามรายการที่เขียนเอาไว้แล้ว ก็ต้องทำเรื่องนั้นให้เสร็จตามที่วางแผนไว้ อย่าข้ามไปทำอย่างอื่นหรือผลัดงานออกไปก่อน ถ้าติดนิสัยแบบนี้ก็อย่าหวังเรื่อง Balance เลย

3. เวลาพักก็ต้องจัดเอาไว้ด้วย

แม้แต่เครื่องจักรก็ยังต้องมีช่วงที่หยุดพักการทำงาน เพราะฉะนั้นมนุษย์อย่างเราเองก็ย่อมที่จะต้องการเวลาสำหรับการพักผ่อนเช่นกัน อย่าพยายามทำตัวเป็นคน Productive มากเกินไป เพราะการมุ่งทำงานหนักจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากมาย ไหนจะเรื่องสุขภาพและประสิทธิภาพในการทำงานที่จะลดลงเรื่อย ๆ หากโหมงานนานติดต่อกัน สิ่งที่ต้องทำก็คือการจัดเวลาส่วนหนึ่งที่ Fix เลยว่า เวลานี้เราจะใช้สำหรับการพักผ่อน จะเป็นการงีบหลับหรือการรีแลกซ์ดูหนังฟังเพลงก็ได้ นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เสียหายหรอกจริงไหม

ด้วยหลักและกลยุทธ์ในการบริหารเวลาอย่างเข้าใจถึงความสำคัญของแต่ละสิ่งที่ต้องทำ บวกกับการสร้างวินัยในการใช้ชีวิต ทั้งหมดนี้จะช่วยให้สิ่งที่เราต้องการที่เป็นการได้มีเวลาให้กับการทำงานเพื่อความสำเร็จและเวลาสำหรับการใช้ชีวิตให้มีความสุขได้จริง แล้ว Work กับ Life ของเราก็จะลงตัวได้สมใจแน่นอน

บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลาชีวิต เทคนิคการทำน้อยแต่ได้มาก

บริหารเวลาชีวิต เทคนิคการทำน้อยแต่ได้มาก

เพราะจะว่าไปแล้ว “เวลา” นั้นก็ถือได้เป็นต้นทุนชีวิตที่สำคัญอย่างหนึ่งทั้งไม่ว่าจะเป็นในมุมของการทำงาน ธุรกิจ หรือการใช้ชีวิต ซึ่งจุดเริ่มต้นที่สำคัญก็คือการบริหารเวลาชีวิตให้ลงตัวเราถึงจะสามารถนำเรื่องนี้ไปใช้ในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด อย่างนั้นแล้วเรามาลองเริ่มดูเทคนิคการบริหารเวลาชีวิตไปกับการทำน้อยแต่ได้มากกัน

ปรับความคิดเรื่องการใช้เวลาใหม่

  • ทำมากไม่ใช่ได้มากเสมอไป อันดับแรกสำหรับการบริหารเวลาชีวิตตามแนวคิดนี้ก็คือการเริ่มปรับความคิดของตัวเองเสียก่อนว่าอะไรที่ยิ่งทำมากก็จะได้มากออกไปก่อน อย่างเช่นการทำงานในจำนวนมาก ๆ ก็จะทำให้ได้รายได้ที่มาก หรือเที่ยวมากก็จะสนุกมากอะไรแบบนั้น เพราะในความเป็นจริงแล้วมันยังมีหลายอย่างที่เราสามารถใช้เวลาน้อยกว่าแต่ให้สิ่งกลับคืนมาที่มากกว่าได้ และสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นได้ก็คือการใช้เวลาอย่างมี “คุณภาพ”
  • วิธีการอะไรที่จะนำไปสู่เป้าหมาย เมื่อปรับความคิดได้แล้ว สิ่งที่เราจะต้องมาคิดต่อก็คือการมองหาเป้าหมายของตัวเองให้เจอ ว่า ณ เวลานี้ ชีวิตของเราต้องการอะไร ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จรูปแบบไหนในชีวิต มันจะมีทางอยู่ทางหนึ่งที่ถูกต้อง ใช้เวลาน้อย แต่ให้ผลดีกว่าเสมอ การขยันผิดที่ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นได้มากไปกว่าเวลาที่เราเสียไปเลย ซึ่งนั่นหมายความว่าให้เราลองเอาสิ่งที่ต้องการมาตั้งเป็นเป้าหมายชีวิต แล้วคิดหาวิธีที่จะพาเราไปยังเป้าหมายนั้นให้ได้

การลงมือทำสำคัญที่สุด

  • ทำให้ถูกเรื่องและตรงประเด็นเสมอ ส่วนยากของการบริหารเวลาชีวิตให้เข้ากับแนวคิดนี้ก็คือการทำให้ถูกเรื่องและตรงประเด็น เพราะคนส่วนใหญ่มักจะชอบทำอะไรหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน หรือชอบทำอะไรนอกเรื่อง จนหลุดโฟกัสการเดินหน้าตามเป้าหมายไป สิ่งที่เราต้องทำก็คือการจดจ่อกับการบริหารและใช้เวลา ณ ปัจจุบันให้คุ้มค่ามากที่สุด ง่าย ๆ เลย ยกตัวอย่างเช่นการไปซื้อของใช้ที่ร้านสะดวกซื้อ ระหว่างการเดินเลือกไปเรื่อย ๆ กับการมุ่งไปยังชั้นวางของที่เราอยากจะได้เลย ทางไหนจะได้ของตามที่ต้องการจริงและใช้เวลาน้อยกว่า ก็ให้เลือกทางนั้น
  • แบ่งเวลาให้ชัดและทำให้ได้จริง ข้อสุดท้ายเพื่อให้การบริการเวลาลงตัวที่สุด คือการแบ่งเวลาให้ชัด ระบุไปเลยว่า ณ เวลานี้เราจะทำอะไร ใช้เวลาเท่าไร และจะได้ผลเป็นอะไรออกมา บังคับตัวเองให้ทำให้ได้ตามนั้น แรก ๆ อาจยากหน่อย แต่นานไปแล้วเราจะชินและเริ่มที่จะบริหารเวลาได้เก่งขึ้นเองโดยธรรมชาติ

ด้วยหลักการทำน้อยแต่ให้ผลตอบแทนกลับคืนมาที่มากนี้ จะช่วยให้การบริหารเวลาชีวิตของเราลงตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเราก็จะสามารถใช้เวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างเห็นผลแต่ใช้เวลาที่น้อยลง ผลก็คือการได้เวลากลับคืนมาและเราสามารถที่จะใช้เวลานั้นไปกับการทำอะไรได้อีกตั้งหลายอย่าง ขอแค่ตั้งใจที่จะทำจริง ๆ เท่านั้นเอง

บริหารเวลาทำงาน

5 เทคนิคกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ในวันที่คิดงานไม่ออก

5 เทคนิคกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์

เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเจอปัญหาสมองตัน คิดงานเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ซึ่งปัญหานี้นับเป็นปัญหาใหญ่สำหรับคนทำงาน โดยเฉพาะคนทำงานที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์ และสำหรับใครที่เจอปัญหานี้บ่อย ๆ แก้เท่าไหร่ก็ไม่หายสักที ลองมาดู 5 วิธีกระตุ้นไอเดียบรรเจิดให้กลับมาอีกครั้ง เชื่อว่าจะทำให้คิดงานออกแถมยังลดความเครียดอีกด้วย

1. ดื่มน้ำเปล่า – วิธีง่าย ๆ ที่หลายคนอาจไม่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นไอเดียในวันอ่อนล้า นั่นคือ การดื่มน้ำสะอาด เพราะอย่าลืมว่าในร่างกายมีน้ำเป็นองค์ประกอบมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งน้ำยังช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือดและสมอง การคิดงานจึงลื่นไหล รู้สึกสดชื่น หรือบางคนเลือกดื่มกาแฟอุ่น ๆ สักแก้ว เพราะกลิ่นหอมจากกาแฟช่วยให้สมองผ่อนคลาย คิดงานต่อได้อย่างไม่เครียด

2. จัดลำดับความคิดใหม่ – หลายครั้งไม่ใช่เพราะคิดงานไม่ออก ไอเดียเจ๋ง ๆ จึงไม่เกิด แต่เพราะขาดการจัดระบบความคิด เมื่อระบบความคิดไม่เป็นขั้นตอนจึงทำให้ฟุ้งซ่าน กลายเป็นว่าคิดงานไม่ออกเอาดื้อ ๆ ดังนั้น หากคิดงานไม่ออกแนะนำให้อยู่นิ่ง ๆ สักพัก และจัดระบบความคิดใหม่แบบเป็นขั้นตอน เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยให้ความคิดลื่นไหลขึ้น

3. ท่องโลกอินเทอร์เน็ต – บางครั้งการโฟกัสกับงานมากเกินไปอาจไม่ใช่วิธีที่ดีเท่าไหร่ เมื่อรู้สีกเครียดหรือขาดความคิดสร้างสรรค์จึงให้ลองหันไปท่องโลกอินเทอร์เน็ต อัปเดตข่าวสารน่าสนใจรวมถึงเทรนด์ใหม่ ๆ โดยไม่เจาะจงว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับงานเท่านั้น วิธีนี้อาจทำให้ได้ไอเดียเจ๋ง ๆ ระหว่างท่องโลกโซเชียลก็เป็นได้

4. หันไปทำกิจกรรมอย่างอื่น – ในเมื่อคิดงานไม่ออกก็ไม่จำเป็นต้องเค้นไอเดีย เพราะบางครั้งอาจเกิดความเครียดแบบไม่รู้ตัวทำให้เสียทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกาย เพราะฉะนั้นควรหยุดงานที่ทำและหันไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ฟังเพลงโปรด อ่านหนังสือ หรือหันไปคุยกับเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้สมองได้ผ่อนคลายสักระยะ

5. หาเวลาพักผ่อนบ้าง – บางครั้งการเครียดจากงานมากเกินไป รวมถึงทำงานหนักติดต่อกันนาน ๆ คือสาเหตุสำคัญทำให้สมองตันคิดงานไม่ออก จนเป็นสาเหตุให้เกิดความเครียดและโรคต่าง ๆ รุมเร้า เพราะฉะนั้นแม้ว่างานจะสำคัญมากเพียงใด อย่าลืมหาเวลาพักผ่อนบ้าง เพราะสุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด เมื่อพร้อมแล้วจึงค่อยกลับมาลุยงานใหม่อีกครั้ง

เมื่อมีเทคนิคดี ๆ แบบนี้แล้ว ใครที่ชอบคิดงานไม่ออก สมองตัน หรือขาดไอเดียใหม่ ๆ อย่าลืมทำตามเทคนิคเหล่านี้ที่เชื่อว่าจะช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ในวันที่เหนื่อยล้าแต่ต้องทำงานให้เสร็จ นอกจากนี้ อย่าลืมให้ความสำคัญกับการพักผ่อนเพราะเมื่อร่างกายพร้อม จิตใจพร้อม พลังในการคิดงานใหม่ ๆ จะมาเรื่อย ๆ อีกทั้งยังช่วยให้ทำงานอย่างไม่เครียดอีกด้วย