Browse Category by เรื่องของเวลา
เรื่องของเวลา

บริหารเวลายังไงให้ทำอะไรได้เยอะขึ้น

บริหารเวลายังไงให้ทำอะไรได้เยอะขึ้น

ในทุกวันนี้ เราหันไปทางไหนก็มีแต่คนบอกว่างานล้นมือ งานยุ่ง จนไม่มีเวลาทำนั่นนี่ให้เสร็จ กลายเป็นมีงานคั่งค้าง ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานเท่าที่ควร และขาดเวลาไปศึกษาเรื่องอื่นที่จะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นได้ เช่น การพัฒนาบุคลิกภาพ การเรียนรู้ด้านการลงทุน การออกกำลังกาย ฯลฯ

เรามาดูกันว่า หากต้องการเวลาในการทำอะไรให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม ต้องทำอย่างไรบ้าง

1. แบ่งเวลาตามสูตร 8-8-8
8-8-8 เป็นสูตรที่ช่วยให้ชีวิตมีสมดุลขึ้น เราควรต้องมีเวลานอนหลับพักผ่อนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ตื่นตัวในวันถัดไป เวลาอีก 8 ชั่วโมงสำหรับการทำงานและอีก 8 ชั่วโมงสำหรับการใช้ชีวิตส่วนตัว เช่น ดูหนังพักผ่อน ใช้เวลาร่วมกับครอบครัว ฯลฯ

2. ทำตารางเวลาล่วงหน้า
การทำสมุดบันทึกกิจกรรมที่ต้องทำในวันถัดไปล่วงหน้าตอนก่อนนอน เป็นตัวช่วยที่ดี คุณจะรู้ว่าพอตื่นนอนแล้วต้องทำอะไรบ้างตามลำดับ ทำให้งานทุกอย่างที่วางแผนไว้สำเร็จได้ง่าย ไม่คั่งค้างให้วันถัดไปต้องทำงานหนักจนอ่อนเพลียและสมองล้า

3. พูดปฏิเสธให้เป็น
คนไทยเป็นคนขี้เกรงใจ แต่ก็จำเป็นต้องใช้ให้ถูกเรื่อง การบริหารเวลาของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการเกรงใจคนอื่น หากใครขอความช่วยเหลือจากคุณในเรื่องที่ไม่จำเป็น หรือคุณยังมีงานอื่นที่คั่งค้างอยู่ ก็ควรปฏิเสธพูดไป

4. มีกฎเกณฑ์เล็กน้อยกับตัวเอง
กฎเกณฑ์บางอย่างทำให้เรามุ่งมั่นที่จะบริหารเวลาได้ดีขึ้น เช่น จะไม่รับประทานข้าวบนโต๊ะทำงาน นั่นหมายความว่าเราต้องทำงานทุกอย่างให้เสร็จสิ้นตามแผน เมื่อถึงเวลาก็ต้องรับประทานอาหารให้ตรงเวลา ฝึกบ่อย ๆ จะทำให้เราโฟกัสกับงานตรงหน้าอย่างเต็มที่ขึ้น

5. มีเป้าหมายที่ชัดเจน
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อคุณต้องการลดน้ำหนัก แต่มีข้ออ้างว่าเวลาไม่พอจึงไม่เริ่มเสียที การกำหนดว่าจะออกกำลังกายเพื่อให้ลดน้ำหนักให้ได้ 5 กิโลกรัมใน 3 ปี เป็นเทคนิคที่ดีทำให้ยึดมั่นและเกิดการสร้างวินัยอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นอุปนิสัยใหม่ได้

6. ใช้ตัวช่วยบ้าง
ตัวช่วยที่เราหมายถึง ได้แก่ การนั่งรถไฟฟ้า รถแท็กซี่ แทนการขับรถเองบ้างในบางครั้ง การซื้ออาหารที่มีวิธีการทำงานซับซ้อนแทนการทำเองในบางโอกาส เป็นสิ่งที่ทำให้คุณประหยัดเวลาที่มีอยู่จำกัดให้ไปใส่ใจกับสิ่งที่สำคัญกว่าได้ดีขึ้น

การบริหารเวลาอย่างมีการวางแผน เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องรับผิดชอบตัวเองในเมื่อทุกวันมี 24 ชั่วโมง คนที่จัดการเวลาได้เก่ง จึงประสบความสำเร็จในชีวิตได้สูง เราหวังว่าคุณจะนำเทคนิคที่กล่าวมาไปดัดแปลงให้เข้ากับชีวิต เพื่อจัดสมดุลได้ดีขึ้น

เรื่องของเวลา

4 กลยุทธ์บริหารเวลาช่วยให้ชีวิตมีศักยภาพมากขึ้น

4 กลยุทธ์บริหารเวลาช่วยให้ชีวิตมีศักยภาพมากขึ้น

การบริหารเวลาถือเป็นเรื่องสำคัญที่ทำให้การดำเนินชีวิตมีคุณภาพมากขึ้น เมื่อใดที่คุณเริ่มทำกิจวัตรประจำวันที่มีเวลาผิดเพี้ยนไปจากเดิมแค่เล็กน้อย คุณจะรู้สึกได้ทันทีว่าเส้นเวลาเดิม ๆ ที่ควรเป็นจะหายไปทันที ดังนั้นการบริหารเรื่องเวลาจึงเข้ามาเป็นส่วนช่วยทำให้ชีวิตกลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง พร้อมสร้างศักยภาพในการใช้ชีวิตมากขึ้น ดังนั้นถ้าคุณต้องการเริ่มบริหารช่วงเวลาในชีวิตให้มีคุณภาพกว่าเดิม ขอแนะนำ 4 กลยุทธ์ต่อไปนี้

1.สร้างเป้าหมายตามความต้องการ
เรื่องแรกที่ควรทำ คือ การเริ่มต้นตั้งเป้าหมายบริหารเวลาที่คุณต้องการ โดยเน้นเลือกจากความต้องการส่วนตัวของคุณว่าในแต่ละวันและแต่ละช่วงเวลา คุณต้องการทำกิจกรรมใดบ้าง? โดยให้คุณทำรายการเกี่ยวกับเป้าหมายที่คุณต้องการทำในแต่ละวัน เช่น การระบุความต้องการที่ชัดเจน, การกำหนดระยะเวลาที่ถูกต้อง, การกำหนดความสำคัญแต่ละขั้นตอน จัดอันดับเป็น 1, 2, 3 เมื่อครบตามวันแล้วให้มาสรุปว่าประโยชน์ที่คุณได้รับในแต่ละช่วงเวลานั้นคืออะไร? เพื่อทำให้คุณได้เห็นว่าควรเพิ่มหรือลดช่วงเวลาใดบ้าง กิจกรรมในแต่ละวันของคุณจะได้ไม่แน่นมากจนรู้สึกเหนื่อย

2.ทำความเข้าใจวิธีการ
เรื่องต่อมา คือ การทำความเข้าใจต่อวิธีการที่อยู่ภายในลิสต์ที่คุณจดไว้ เช่น ถ้าคุณเริ่มต้นจัดเวลาในการอาบน้ำและแต่งกายออกไปทำงานที่ 30-60 นาที คุณต้องเริ่มวางแผนและเข้าใจวิธีการว่าจะต้องอาบน้ำกับแต่งตัวอย่างไรให้อยู่ในช่วงเวลานี้และจะไม่เกินไปมากกว่านี้ เพื่อทำให้ทุกเวลาดำเนินไปอย่างถูกต้อง แต่ขอแนะนำให้คุณยึดตามความเป็นจริง ถ้าไม่ทันให้ยืดเวลาออกไปอีกเล็กน้อย เพื่อที่คุณจะได้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ว่าการจับเวลาในข้างต้นของคุณนั้นถูกต้องแล้วหรือยัง? ถ้ายังไม่ถูกต้องจะได้มีการปรับตารางใหม่ เพื่อให้เหมาะสมต่อการใช้ชีวิตของคุณมากขึ้น จะได้รู้สึกไม่ตึงเครียดมากเกินไป

3.ปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
เมื่อได้แนวทางและทำความเข้าใจต่อวิธีการจัดเวลาเรียบร้อยแล้ว ให้คุณปฏิบัติอย่างต่อเนื่องและมีความเคร่งครัดกับตัวเองเสมอ ไม่ขาดหายหรือผัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด โดยลักษณะนิสัยของมนุษย์แล้วจะต้องมีการทำอย่างต่อเนื่องที่ 30 วันเป็นขั้นต่ำ จึงจะทำให้เกิดการปฏิบัติเองแบบอัตโนมัติ ดังนั้นคุณจะต้องตั้งการบริหารเวลาของตัวเองให้ครบที่ 30 วันเท่านั้น และในช่วงเวลานี้ไม่ควรออกนอกทางเด็ดขาด เพื่อทำให้การปรับเวลาของคุณสร้างลักษณะนิสัยที่มีศักยภาพและตรงตามเป้าหมายที่คุณต้องการได้เร็วขึ้น

4.หยุดพฤติกรรมทำลายเวลา
พฤติกรรมทำลายเวลาทุกพฤติกรรมที่เคยทำควรหยุดลงก่อน ไม่ว่าจะเป็นการผัดวันประกันพรุ่งของการทำงาน หรือ ความรู้สึกไม่อยากทำตามเป้าหมายเพราะรู้สึกท้อแท้ รวมไปถึงการจัดระเบียบทางความคิดของตัวเองใหม่ทั้งหมด เมื่อเห็นเรื่องต้องทำแล้วควรทำทันที ไม่ควรปล่อยละเลยแล้วสะสมให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ ที่จะทำให้คุณต้องเหนื่อยในภายหลัง รวมไปถึงพฤติกรรมที่ชอบนั่งไถมือถือเพื่อดูไทม์ไลน์บนโซเชียล, การดูซีรีย์รอบดึก และการเข้าไปส่องโปรไฟล์ผู้อื่นในช่วงเวลางาน ควรหยุดทำไปก่อน ถ้าต้องการมีความเพลิดเพลินกับเรื่องเหล่านี้ให้จัดเวลาแยกไว้ต่างหาก เพื่อที่คุณจะไม่ได้หลุดออกจากแผนของการบริหารช่วงเวลาง่ายจนเกินไป

ถ้าคุณต้องการบริหารเวลาให้ตนเองมีศักยภาพในการใช้ชีวิตมากขึ้น แนะนำทั้ง 4 กลยุทธ์นี้ พร้อมการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้เกิดความคุ้นชินต่อเวลาที่ถูกต้องนี้ได้รวดเร็วมากที่สุด

เรื่องของเวลา

บริหารเวลาอย่างไร ให้ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

บริหารเวลาอย่างไร ให้ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ

คนเรามีเวลาชีวิตที่เท่ากันคือ 24 ชั่วโมงใน 1 วันหรือ 365 วันใน 1 ปี ทว่าทุกวันนี้ก็คงยังได้ยินเสียงบ่นกันอยู่ว่าทำงานไม่ทันบ้างล่ะ เวลาน้อยไปบ้างล่ะ ไม่ก็ไม่มีเวลาบ้างล่ะ คนที่เอาแต่บ่นเช่นนี้ไม่รู้ว่าเคยหันไปมองรอบตัวบ้างหรือไม่ว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่ได้รู้สึกเหมือนอย่างเรา คำตอบง่าย ๆ คือ คน ๆ นั้นฉลาดพอที่จะบริหารเวลา 24 ชั่วโมงใน 1 วันให้มีประสิทธิภาพ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแจกเทคนิคของการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพกัน

เพื่อทำให้เวลาชีวิตของเรามีคุณภาพมากยิ่งขึ้น การบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพจึงถือเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้ใน 1 วันของเรา หรือเรียกง่าย ๆ ว่าควรทำให้ชีวิตมี Work and Life Balance นั่นเอง ซึ่งการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพสามารถทำได้ด้วยวิธีการดังนี้

  • ตื่นนอนแต่เช้า เพราะการตื่นนอนก่อนใครทำให้เรามีเวลาในการทำกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่าคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน ได้อ่านหนังสือผ่อนคลายก่อนออกจากบ้าน หรือไม่ต้องใช้เวลาอยู่บนท้องถนนนานเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นการถึงที่ทำงานก่อนเวลาเริ่มงานหรือในช่วงที่ยังไม่มีเพื่อนร่วมงานมาประสานงานกับเรา จะยิ่งทำให้เรามีเวลาวางแผนในการทำงานได้อย่างครบถ้วน ถูกต้อง แถมยังทำงานได้เสร็จเร็วกว่าคนอื่น ๆ อีกด้วย
  • จัดลำดับความสำคัญของงาน ยกตัวอย่างเช่น ในวันหนึ่ง ๆ เราต้องมีงานหลายอย่างต้องทำ แต่เวลาในการส่งมอบงานไม่เท่ากัน เราก็ต้องนำงานแต่ละชิ้นมาจัดลำดับความสำคัญ งานที่มีกำหนดก่อนควรรีบทำให้เสร็จก่อน หรืองานที่มีความซับซ้อนแต่พอมีกำหนดเวลาในการทำ เราก็สามารถหาทางจัดการ เช่น การขอคำปรึกษาเพื่อนร่วมงานถึงวิธีการทำงานชิ้นนั้นให้สำเร็จเร็วขึ้นได้
  • แบ่งเวลางานกับเวลาส่วนตัวออกจากกัน เพื่อที่เราจะใช้เวลาทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันให้คุ้มค่ามากที่สุด ที่สำคัญคือเวลางานควรจะใช้สมาธิทำงานให้เต็มที่ ไม่ควรเอาเรื่องส่วนตัวมาใช้ในเวลาทำงานเพราะจะยิ่งเป็นการลดเวลาของการทำงานใน 1 วันให้น้อยลงเข้าไปอีก
  • ควรจัดการงานที่ต้องใช้เวลาทำงานหรืองานยาก ๆ ก่อน ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องใช้เวลาในการทำ หากเรานำงานชิ้นนี้มาทำก่อนงานที่เราเชี่ยวชาญอยู่แล้ว ก็จะทำให้งานหลาย ๆ อย่างที่ต้องเสร็จในวันเดียวกันสามารถทำสำเร็จไปได้พร้อม ๆ กัน

เครียดกับงานทั้งวันก็ไม่ดี ดังนั้น ควรหาเวลาพักจากการทำงานในระหว่างวันด้วย เช่น หาเวลาจิบชายามบ่าย พักสายตาด้วยการเดินยืดเส้นยืดสาย การหาเวลาพักก็เหมือนกับการชาร์จแบตในระหว่างวันไปในตัว และยังช่วยให้มีพลังในการทำงานของวันให้เสร็จเร็วขึ้นได้ด้วย

เราเชื่อว่าหากคุณสามารถบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพตามที่เราบอกมา คุณจะสามารถมีเวลาที่เหลือใน 1 วันไปใช้หาความบันเทิงอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน

เรื่องของเวลา

5 ทักษะการบริหารเวลาที่พัฒนาได้ด้วยตัวเอง

5 ทักษะการบริหารเวลาที่พัฒนาได้ด้วยตัวเอง

ทักษะการบริหารจัดการเวลาช่วยให้มีความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะทำอะไรหรือแม้แต่หน้าที่ความรับผิดชอบประจำวันหากทำได้อย่างเชี่ยวชาญ รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นั่นคือความเป็นมืออาชีพที่กล่าวถึง แม้จะมีเวลาไม่มากหรือมีงานล้นมือแต่ถ้าสามารถพัฒนาทักษะการบริหารเวลาจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ทันท่วงที ไม่ต้องรู้สึกเครียดกับงานมากเกินไปหรือรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบมากเกินไป การจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ต้องใช้เวลา ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีการของตนเองแตกต่างกันไป แนะนำเคล็ดลับที่คุณสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้มาฝากกันดังนี้

1.จัดลำดับความสำคัญของงาน
ก่อนเริ่มงานควรวางแผนทำงานสำคัญและต้องการให้เสร็จเร็วในทันที ส่วนงานไม่สำคัญเก็บไว้ทีหลัง ไม่ควรเสียเวลาและพลังงานไปกับงานที่ไม่สำคัญเพราะเห็นว่าง่ายและไม่เครียด อยากให้งานออกมามีประสิทธิภาพต้องมีสมาธิตั้งใจทำงานสำคัญและเร่งด่วนให้ดีที่สุด เวลาที่เหลือจึงใช้กับงานอื่น ๆ ตามตารางเวลาอย่างเหมาะสม งานทั้งหมดที่ได้รับมอบหมายจะได้เสร็จในเวลาอันสั้น ทำงานได้ดี มีเวลาส่วนตัวและเวลาอยู่กับครอบครัว ทั้งยังลดความเครียดไปได้ด้วย

2.วางสิ่งที่ต้องทำให้เสร็จในแต่ละวัน
ก่อนเริ่มงานในแต่ละวันควรเขียนรายการ “สิ่งที่ต้องทำ” วางแผนคร่าว ๆ ว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง ลำดับความสำคัญและจำเป็น จากนั้นทำเรียงกันไปทำให้สำเร็จทีละอย่าง หากมีงานใหญ่สำคัญมาก ๆ ทำให้เสร็จก่อนแล้วอย่างอื่นค่อยทำในวันถัดไปหรือกระจายงานไปให้เพื่อนร่วมทีมช่วยแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเหมาะสม หมั่นวางแผนจดรายการสิ่งที่ต้องทำ ทั้งเรื่องของการงานธุรกิจ งานบ้าน และเรื่องส่วนตัว

3.กำหนดเวลาทำงานให้สำเร็จ
การลำดับความสำคัญของงานมีหลายวิธี งานที่มีกำหนดเส้นตายนับเป็นอีกหนึ่งงานที่ต้องมาก่อนและทำให้สำเร็จเป็นอันดับแรก ช่วยให้การบริหารจัดการเวลาง่ายขึ้นมองเห็นภาพเพื่อให้จะทำงานได้อย่างต่อเนื่องทั้งในอาชีพการงานและชีวิตส่วนตัว เลิกพฤติกรรมผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะจะเสียเวลาและสูญพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์ พยายามทำงานให้เสร็จก่อนกำหนดเส้นตายอย่างน้อย 2-3 วัน

4.หลีกเลี่ยงการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน
หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าการทำงานหลายอย่างพร้อมกันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ แต่ความจริงแล้วการจดจ่อมีสมาธิกับสิ่งที่ทำจะทำได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ถือเป็นวิธีปรับปรุงทักษะการจัดการเวลาได้ดีกว่า แนะนำให้ใช้ประโยชน์จากรายการ “สิ่งที่ต้องทำ” และกำหนดเวลาเส้นตายเพื่อช่วยประหยัดเวลาและทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น

5.รู้จักแบ่งงานให้คนที่เหมาะสม
มอบหมายงานให้ลูกน้องทำบ้าง เป็นเรื่องปกติถ้าบางวันจะมีงานล้นมือจนรับไม่ไหว เมื่อหน้าที่มากเกินกว่าที่จะรับผิดชอบได้ ทำให้เกิดความเครียดและเบื่อหน่ายงาน การมอบหมายงานให้คนอื่นทำถือเป็นทักษะการบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้น ความเครียดมักเกิดขึ้นเมื่อเรารับงานมากกว่ากำลังที่จะทำได้ ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า ลองพักสายตา หายใจยาว ๆ ออกไปเดินข้างนอก ออกกำลังกาย ฝึกสมาธิ ฟังเพลง ทำงานอดิเรก เป็นวิธีจัดการกับความเครียดอย่างชาญฉลาด

ทุกคนมีเวลาเท่ากัน หากบริหารเวลาได้ดีกว่า ก็จะทำให้ใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่า ดังนั้น ขอให้เริ่มวางแผนทันที แล้วคุณจะพบว่ามีเวลาเหลือทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น

เรื่องของเวลา

เผย 5 เทคนิคในการบริหารเวลา ช่วยให้ชีวิตลงตัวและง่ายขึ้น

เผย 5 เทคนิคในการบริหารเวลา ช่วยให้ชีวิตลงตัวและง่ายขึ้น

การบริหารเวลา (Time Management) เป็นทักษะและการฝึกฝนประเภทหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถจัดการเวลา 24 ชั่วโมงใน 1 วันของเราให้มีประสิทธิภาพด้วยการลำดับความสำคัญของกิจกรรมแต่ละประเภทให้ทำสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งหากมีวินัยและสามารถปฏิบัติตามได้ คำว่าไม่มีเวลาจะถูกกำจัดออกไปจากชีวิตและผลพลอยได้ของการบริหารเวลาจะช่วยให้เราสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ที่อยากทำได้โดยไร้ความกังวล วันนี้เราจะมาเปิดเผยเทคนิคในการบริหารเวลา 5 ข้อที่จะช่วยให้ชีวิตของเราลงตัวและง่ายขึ้น

1.สร้างตารางชีวิต (Schedule) ให้ตัวเอง ด้วยการกำหนดเวลาตื่นนอน การเดินทาง วางแผนการทำงานในแต่ละวัน ซึ่งบางวันหากเราบริหารช่วงเวลาในการทำงานได้ดี ก็จะมีเวลาเหลือไว้ทำกิจกรรมหลังเลิกงานหรือมีเวลาให้กับครอบครัวได้มากขึ้น แต่หากวันใดที่อาจประสบกับปัญหางานที่อาจทำให้ตารางชีวิตของเรารวนไปบ้างก็ไม่ถือว่าเป็นความล้มเหลว ตรงกันข้ามเราสามารถใช้เรื่องนี้เป็นบทเรียนหรือประสบการณ์ในการพัฒนาให้งานของเราสำเร็จและลุล่วงได้เร็วมากขึ้นกว่าเดิม

2.จัดลำดับความสำคัญของงาน (Prioritization) นับเป็นทักษะที่ต้องการการฝึกฝนและปฏิบัติจนเกิดความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานเป็นรูทีน (Routine) หรือสิ่งที่ทำเป็นกิจวัตรจะมีแต่สามารถปฏิบัติได้เร็วขึ้น ส่งผลให้เราสามารถรับงานอื่นได้เพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสให้เราแตกแขนงความสามารถในงานไปได้อีกระดับหนึ่ง

3.ทำงานที่ยากที่สุดก่อน (Challenge) คนเราต้องมีแต่การเดินไปข้างหน้าเท่านั้น ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องปกติที่มักจะได้รับมอบหมายงานชิ้นใหม่ที่มีความท้าทายมากกว่าเดิม เริ่มแรกย่อมผ่านไปได้ยากหรือเจอกับอุปสรรคบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเราคุ้นเคยกับงานที่ยากเหล่านั้น งานยากจะถูกเปลี่ยนเป็นงานประจำทันที นั่นย่อมส่งผลให้เราสามารถบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้นเป็นลำดับ การทำงานที่ยากที่สุดก่อนในแต่ละวัน นอกจากจะทำงานได้คล่องและมีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้รู้สึกดีและผ่อนคลายได้มากกว่าด้วย

4.มีเวลาพักจากโซเชียล (Social) แม้ว่าการท่องโลกออนไลน์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของใครหลายคนไปเสียแล้ว แต่เรายังคงต้องรู้จักแบ่งเวลางาน เวลาของครอบครัว และเวลาของการท่องโลกโซเชียลเอาไว้ด้วย เพื่อให้เรายังคงตามโลกทัน ขณะเดียวกันชีวิตส่วนตัวและด้านการงานก็ยังคงมีประสิทธิภาพ

5.จัดสรรเวลาส่วนตัว (Personal Time) ทั้งเวลาพักผ่อน การออกกำลังกายหรืออ่านหนังสือ ฟังเพลง นับเป็นช่วงเวลาที่ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายและพักผ่อนสมอง เปรียบเสมือนการชาร์จแบตให้ตัวเองเพื่อทำกิจกรรมในวันต่อ ๆ ไปให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น

การบริหารเวลาคือการฝึกฝนและพัฒนาตัวเองให้สามารถจัดการทั้งเวลางาน เวลาของครอบครัว หรือเวลาส่วนตัวของตัวเองให้มีคุณภาพมากที่สุดเพื่อที่เราจะได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ประกอบกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องการได้อย่างมีความสุขนั่นเอง

เรื่องของเวลา

บริหารเวลาอย่างไรให้มีเวลาเหลือ

บริหารเวลาอย่างไรให้มีเวลาเหลือ

หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างรอบด้าน ต้องฝึกบริหารเวลาอย่างเหมาะสม เพื่อให้มีเวลาเหลือในการทำสิ่งต่าง ๆ ทั้ง ทำงานสร้างรายได้ ท่องเที่ยว พักผ่อน ออกกำลังกาย ใช้ชีวิตกับครอบครัว ฯลฯ หากไม่เรียนรู้การบริหารเวลาให้ดีแล้ว ก็จะทำให้พลาดโอกาสทำสิ่งที่ต้องการไปอีกมากมาย

ผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตต่างให้ความเห็นว่า การบริหารเวลาที่ดีประกอบไปด้วย 2 ส่วนที่สำคัญ คือ การลำดับสิ่งที่ต้องทำก่อนและหลังอย่างเหมาะสม และการมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งที่ทำ หากคุณสามารถลำดับสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี เช่น ทำงานที่ยาก ต้องใช้พลังสมองมาก หรือต้องส่งอย่างเร่งด่วนมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แล้วไล่เรียงลำดับความสำคัญเร่งด่วนที่น้อยลงไปเรื่อย ๆ จนถึงงานที่ไม่จำเป็นและไม่เร่งด่วน ที่สามารถมอบหมายให้คนอื่นทำแทนได้ ร่วมกับการมีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ต้องทำตรงหน้าเสมอ ไม่วอกแวก จะทำให้ทำงานผิดพลาดน้อยลงและงานเสร็จไวขึ้นแน่นอน

ทั้งนี้ คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบริหารเวลาที่ทุกคนควรนำไปปรับใช้ ได้แก่

  • การตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ เป็นการกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำก่อนทำงานสัก 15-30 นาที ซึ่งจะทำให้สมองได้รับออกซิเจนจากอากาศบริสุทธิ์และทำให้จิตใจแจ่มใสมากขึ้นด้วย
  • ปิดเครื่องมือสื่อสารในระหว่างการทำงาน คุณควรกำหนดเวลาในการเช็คอีเมลและการเข้าอินเทอร์เน็ตที่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน เช่น การเล่น Line Facebook Instagram เพราะจะทำให้เสียสมาธิและทำให้
  • งานผิดพลาดได้ ทั้งนี้อาจตั้งค่าแจ้งเตือนเฉพาะข้อความจากคนสำคัญเท่านั้น
  • ทำงานในสถานที่เหมาะสม ถ้าต้องใช้ความคิดในการทำงานมาก ควรเลือกสถานที่เงียบหรือมีบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวสูง จะทำให้พร้อมต่อการทำงานมากขึ้น
  • นอนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวมากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสอง ที่ร่างกายสร้างโกร์ทฮอร์โมนมากที่สุด จะทำให้ลดอาการเหนื่อยล้าหรือง่วงนอนในระหว่างวันได้
  • แต่งกายเรียบง่าย หากศึกษาวิถีชีวิตของนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากมาย จะพบว่าในวันทำงาน เขาเหล่านั้นจะแต่งตัวเรียบง่ายคล้ายกันทุกวัน เช่น เสื้อเชิ้ตสีโทนเดียวกัน กางเกงสีดำหรือกรมท่า
  • รองเท้าหนัง เพื่อประหยัดเวลาในการตัดสินใจเลือกเสื้อผ้าได้มากขึ้น
  • การวางแผนล่วงหน้า การเตรียมงานของวันรุ่งขึ้น ในช่วงเวลาก่อนนอน 15 นาที จะช่วยลดความเร่งรีบในตอนเช้า ไม่เสี่ยงเจอปัญหารถติด ทั้งทำให้การทำสิ่งต่าง ๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างรอบคอบ

เราเชื่อว่าหากคุณนำเทคนิคและวิธีการที่กล่าวมาข้างต้นไปปรับใช้ จะทำให้การบริหารเวลามีประสิทธิภาพขึ้น และทำให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างต้องการด้วย

เรื่องของเวลา

6 ด้านที่ควรปรับเพื่อพัฒนาการใช้ชีวิตแต่ละวันให้ดีขึ้น

6 ด้านที่ควรปรับเพื่อพัฒนาการใช้ชีวิตแต่ละวันให้ดีขึ้น

คนที่ประสบความสำเร็จจะมีการพัฒนาตัวเองด้วยการวางแผนบริหารเวลา ว่าช่วงนี้จะต้องทำอะไรในแต่ละวันหรือแต่ละสัปดาห์ เมื่อมีการวางแผนไว้ดีและเลือกลำดับความสำคัญว่าอะไรควรทำก่อนหรือควรทำทีหลังแล้ว เขาก็จะมีการดำเนินชีวิตไปตามแผนและยังทำให้มีเวลาว่างเหลือมากทั้งที่งานเยอะ ด้วยเหตุนี้ เราจึงมี 6 ด้านที่ควรบริหารเวลาในการพัฒนาตัวเอง เพื่อให้คุณใช้เวลาได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด แล้วคุณจะพบว่ามีเวลาเหลือมากกว่าเดิม

การงาน การเงินหรือการเรียน – การให้เวลากับตัวเองด้วยการศึกษาเรียนรู้พัฒนาศักยภาพตัวเองเพื่อประโยชน์ในอนาคต เช่น การหางานเสริมด้วยช่องทางที่สร้างความรุ่งเรืองเพื่อให้คุณได้ก้าวต่อไปข้างหน้า

สมาธิหรือจิตใจ – การจัดสรรเวลาอยู่กับตัวเองในด้านสมาธิหรือจิตใจจะช่วยให้คุณได้รับประโยชน์ หมายความว่า มีใจนิ่ง ใจสบายมากขึ้น มีความสดชื่นและทรงพลังจนมีความพร้อมที่จะปฏิบัติทุกภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ความคิด – การบริหารเวลาด้วยการสรรหาความรู้เพิ่มขึ้นตลอดซึ่งส่วนใหญ่จะมาจากการฟังและการอ่าน จากนั้นให้มีการประเมินตัวเองเป็นช่วง ๆ อาจจะประเมินเป็นระยะเวลา 1 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือน ว่ามีการพัฒนาได้มากแค่ไหนหลังจากที่มีการนำความรู้มาใช้จริง เหมือนเหล่านักเตะชื่อดัง เอ็มบับเป้ เนย์มาร์ เมสซี่ คนเหล่านี้ย่อมมีการเทียบตัวเองให้พัฒนาขึ้นทุกๆเดือนเพื่อวิ่งไปจุดสูงสุดของฟุตบอล จนเกิดผลิตผลขึ้นมาซึ่งสามารถสังเกตได้ว่ามีความคิดที่ดีกว่าเดิม หรือเมื่อเจอปัญหาก็มีไหวพริบ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้

สุขภาพ – การจัดสรรเวลาด้านสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน หากใครมีร่างกายที่อ้วนเกินไปจะเสียสุขภาพได้ ก็ควรมีการปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นด้วยการควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกายบ้างเพื่อให้น้ำหนักลดลงมา ในทางตรงข้ามถ้าใครมีร่างกายผอมเกินไปก็ควรรับประทานอาหารเพิ่ม เมื่อบริหารเวลาด้านนี้ สุดท้ายก็จะมีสุขภาพร่างกายที่ดี

ครอบครัวและคนรัก – การมีเวลาทำกิจกรรมร่วมกันกับสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมอาสาสมัคร การร่วมกันนั่งสมาธิหรือกิจกรรมอื่นในทางสร้างสรรค์ ก็จะช่วยให้จิตใจแต่ละสมาชิกมีความสุข สร้างความผูกพันธ์และความอบอุ่นระหว่างสมาชิกในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

สังคม – การทำเพื่อสังคมคือ การเสียสละสิ่งของ สละอารมณ์หรืออื่น ๆ ซึ่งคนที่จะบริหารเวลาด้านนี้จะต้องเป็นคนที่เสียสละได้ ในทางตรงข้ามหากเป็นคนที่ไม่ค่อยรู้จักการเสียสละให้กับผู้อื่น ก็จะบริหารเวลาด้านนี้ได้ไม่มากนัก เพราะเมื่อไหร่มีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่นเป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้เครียด

6 ด้านที่ควรบริหารเวลาเพื่อพัฒนาตัวเอง ถือว่าเป็นการสร้างวินัยในเรื่องของเวลาในการควบคุมว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ แบบไม่ใช่อยากทำอะไรก็ทำไปเรื่อย ๆ ตามใจ จนดึกดื่นหรือเที่ยงคืน เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ก็จะเป็นการใช้เวลาอย่างไม่คุ้มค่า ดังนั้น หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จ ลองบริหารเวลาในด้านต่าง ๆ จากที่กล่าวมาข้างต้น แล้วคุณจะพบว่าตัวเองมีความสุขและภูมิใจที่สามารถบริหารเวลาในชีวิตได้อย่างเหมาะสม และมีเวลาเหลือมากกว่าเดิม

เรื่องของเวลา

แอปพลิเคชันช่วยบริหารเวลาออกกำลังกาย 2019

แอปพลิเคชันช่วยบริหารเวลาออกกำลังกาย 2019

การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ หลายคนมักจะอ้างว่าไม่มีเวลา เพราะต้องให้ต้องทุ่มเทกับการทำงานหรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่สร้างรายได้ แต่ในระยะยาวแล้วหากขาดการออกกำลังกาย จะทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานลดลง มีความเครียดสะสม และทำให้เสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคหัวใจ โรคมะเร็ง และโรคอื่น ๆ ตามมาได้

แอปพลิเคชันในการออกกำลังกาย

1. MyFitnessPal

ใช้ได้ดีทั้งระบบโทรศัพท์ Android และ iOS สามารถช่วยในการตั้งเป้าหมายของการออกกำลังกายให้เข้ากับลักษณะอาหารที่กินได้ดียิ่งขึ้น เพราะสามารถใส่ข้อมูลของอาหารในแต่ละมื้อลงไปเพื่อการสแกนแคลอรี่ จะทำให้คุณรู้ว่าใน 1 วันคุณต้องออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหนเพื่อการเผาผลาญอาหารที่คุณรับประทานเข้าไปอย่างเหมาะสม ไม่ทำให้เกิดไขมันสะสมส่วนเกิน

2. Johnson and Johnson Official 7 Minute Workout

เป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมมาก เพราะช่วยให้คุณสามารถขยับร่างกายออกกำลังกายได้นับพันรูปแบบ ซึ่งแต่ละอย่างก็ใช้เวลาสั้นเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น โดยจะมีการแบ่งระดับความยากง่ายตามที่ผู้ใช้งานเลือกได้ มีทั้งแนวโยคะ พิลาทีส เดิน วิ่ง กระโดด ฯลฯ จึงเป็นตัวช่วยที่ทำให้คุณจัดสรรเวลาในการออกกำลังกายได้ง่าย ๆ แม้แต่ในช่วงของพักเบรกเช้าหรือบ่ายโดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาและค่าสมาชิกหลักหมื่นเพื่อเข้าฟิตเนสเลย

3. C25K

เป็นตัวช่วยในการวิเคราะห์ประสิทธิภาพการออกกำลังกายแบบต่อเนื่องในช่วงระยะเวลา 30 นาที เหมาะกับคนที่ต้องการแบ่งเวลาอย่างน้อยวันละครึ่งชั่วโมงเพื่อการออกกำลังกายอย่างมีวินัย เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ทั้งในและนอกสถานที่ ทั้งยังมีการแจ้งเตือนเวลาสำหรับการเตรียมกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายและผ่อนคลายหลังออกกำลังกาย เพื่อลดการบาดเจ็บด้วย ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างเห็นผลในระยะเวลาสั้น ๆ ห้ามพลาดแอปพลิเคชันนี้

4. Challenges by Nexercise

นับว่าเป็นตัวช่วยให้คุณมีแรงจูงใจในการออกกำลังกายมากขึ้น เพราะหากสามารถทำได้ตามเป้าหมายจากการแข่งขันกับผู้ที่ใช้เครื่องมือนี้รายอื่น ก็จะสามารถได้บัตร Gift Voucher เพื่อแลกรับของขวัญจากทางแอปพลิเคชันได้ ได้ประโยชน์ทั้งในด้านบริหารจัดการเวลาให้มีวินัยออกกำลังกาย เสริมสร้างความสนุก และยังได้รางวัลเป็นของแถมอีกด้วย

การใช้แอปพลิเคชันบริหารจัดการเวลาในแต่ละวัน นอกจากเพื่อการทำงานแล้วยังเป็นไปเพื่อสุขภาพของคุณได้ด้วย เราหวังว่าคุณจะทดลองดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่แนะนำนี้มาใช้และบอกต่อคนรอบข้าง เพื่อให้สุขภาพดีไปพร้อมกันด้วย

แอปพลิเคชันในการออกกำลังกาย

เรื่องของเวลา

วิธีบริหารเวลาขั้นเทพ 2019 ทำอย่างไรให้คุ้มค่า

วิธีบริหารเวลาขั้นเทพ 2019 ทำอย่างไรให้คุ้มค่า

ในแต่ละวันเรามีเวลาเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง แต่สิ่งที่แตกต่างกัน คือ การ บริหารเวลา ที่มีประสิทธิภาพไม่เท่ากัน จึงส่งผลต่อระดับการประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งด้านการงาน การเงิน และชีวิตส่วนตัว การบริหารเวลาที่ลงตัว จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จได้สูง ไม่ว่าจะอยู่ในวัยเรียนหรือทำงาน

เราจึงได้รวบรวมเทคนิคการบริหารเวลาขั้นเทพที่ทุกท่านสามารถนำไปใช้ได้ มาฝากกัน ดังนี้

1. ใส่ใจเฉพาะเรื่องสำคัญ มองข้ามเรื่องหยุมหยิมบ้าง

การใส่ใจในทุกเรื่องและทุกรายละเอียด จะทำให้เสียเวลาที่มีคุณค่าไปโดยเปล่าประโยชน์ ที่เห็นได้ชัดคือ การเลือกเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ที่ผู้บริหารส่วนมากจะเลือกเสื้อผ้าแบบเดียวกัน เป็นสูทเข้มและเสื้อเชิ้ตสีพื้น ที่ทำให้ไม่ต้องเลือกมากในการแต่งกาย แม้แต่ผู้บริหารชั้นนำรุ่นใหม่ อย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ก็ใช้เสื้อยืดสีพื้นใส่คู่กับกางเกงยีนส์ในการทำงานทุกวัน ทั้งนี้ เพราะคนเหล่านี้เลือกใช้เวลาไปกับเรื่องที่สามารถสร้างรายได้หรือทำให้มีการเติบโตทางธุรกิจมากกว่า การเลือกเสื้อผ้าในชีวิตประจำวันนั่นเอง

2. มีการวางแผนตารางเวลาและวิเคราะห์จุดอ่อนสม่ำเสมอ

นอกจากนักบริหารที่ต้องมีตารางเวลาเคร่งครัดแล้ว ผู้ที่ทำงานด้านวงการบันเทิงอย่างดาราฮอลลีวู้ด พิธีกร youtuber ชื่อดังจำนวนมาก จะมีตารางเวลาที่กำหนดไว้ เช่น การออกกำลังกายในช่วงเช้าก่อนการไปทำงาน เพื่อทำให้รูปร่างสวยงามสมส่วน และทำให้อารมณ์แจ่มใสอยู่เสมอ และหากทำไม่ได้ตามเป้าหมายในตาราง ก็จะทำการวิเคราะห์ตัวเองว่าเกิดจากจุดด้อยอย่างไร เพื่อทำการแก้ไขโดยเร่งด่วน จะทำให้การบริหารเวลาในวันต่อไปมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

3. ลำดับความสัมพันธ์ให้เป็นแบบมืออาชีพ

งานแต่ละชิ้นจะมีความสำคัญและการเร่งด่วนไม่เท่ากัน งานบางอย่างยังต้องใช้พลังความคิด ใช้แรงงานในการปฏิบัติ หรือต้องประสานงานกับบุคคลต่าง ๆ ในวงการธุรกิจ เช่น ลูกค้า แผนกกฎหมาย ฝ่ายบุคคล ฯลฯ ซึ่งล้วนต้องใช้ทักษะและเวลาไม่เท่ากัน ผู้ที่ประสบความสำเร็จในทุกวงการ มักเลือกงานที่สำคัญมากที่สุดและต้องใช้พลังกายและใจมากที่สุด ทำให้สำเร็จเป็นอันดับต้น ๆ ของวัน เพราะร่างกายได้รับการพักผ่อนมาอย่างเต็มที่ตลอดคืน จึงทำให้มีประสิทธิภาพในการคิดได้อย่างโลดแล่น มองการณ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ส่วนงานที่สำคัญน้อยกว่าจะทำในช่วงบ่ายหรือตอนเย็น หรือยกให้ผู้อื่นช่วยประสานงานแทน

จะเห็นได้ว่า เทคนิคการบริหารเวลาขั้นเทพที่ยกตัวอย่างมา เป็นสิ่งที่เราทุกคนนำไปใช้ได้ในทุกสาขาอาชีพ ขอเพียงมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นในทุกด้าน ก็ย่อมทำให้การบริหารเวลามีประสิทธิภาพ สามารถใช้เวลาในแต่ละวันได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด

รวบรวมเทคนิคการบริหารเวลาขั้นเทพ

เรื่องของเวลา

เคล็ดลับ บริหารเวลา ใช้เวลาช่วงเย็นอย่างมีคุณภาพ

วิธีการแก้ปัญหา การบริหารเวลาสำหรับพ่อแม่

สังคมทุกวันนี้ครอบครัวในเมืองใหญ่มีเวลาให้กันน้อยลง ทุกคนรีบเร่งออกไปทำงานและไปโรงเรียนตั้งแต่เช้า ตอนเย็นฝ่ารถติดกลับมาต่างก็เหนื่อยล้า โอกาสจะชวนกันคุยหรือหากิจกรรมทำด้วยกันน้อยลง ยิ่งเด็กสมัยนี้ติดโทรศัพท์มือถือ เล่นเกมและแชทกับเพื่อน ๆ ไม่สนใจสิ่งอื่น เวลาของครอบครัวยิ่งเหลือน้อยนิด ทำให้เกิดช่องว่างมากขึ้น วิธีการแก้ปัญหาคือพ่อแม่ควรริเริ่มบริหารเวลาช่วงบ่ายหลังจากโรงเรียนเลิก มองหาเคล็ดลับบางอย่างเป็นช่วยให้จัดการเวลาแต่ละวันอย่างมีประสิทธิภาพ มีคำแนะนำที่คุณทำได้มาฝากกันดังนี้

วิธีการแก้ปัญหา การบริหารเวลาสำหรับพ่อแม่

วางแผนปฏิทินครอบครัวร่วมกัน

ภายในเวลากว่า 3-6 ชั่วโมงก่อนนอนมีกิจกรรมมากมายที่ต้องทำ รวมถึงเรียนพิเศษ ฝึกซ้อมกีฬา ทำการบ้าน ไปจนถึงอาหารเย็น การบริหารเวลาไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ทำให้ง่ายได้ ด้วยการวางแผนตารางเวลาครอบครัวให้เหลือกับการทำงาน เพียงจดบันทึกบนปฏิทินว่าวันไหนเด็ก ๆ มีกิจกรรมพิเศษอะไรบ้าง ช่วยให้ง่ายต่อการจัดระเบียบกิจวัตรประจำวัน รู้เวลาที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าหลังเลิกเรียนในแต่ละวันเพื่อวางแผนใช้เวลากับลูก ๆ อย่างมีคุณภาพ แม้มีเวลาจำกัด แต่ก็ทำให้เกิดประโยชน์ได้

มอบหมายงานบ้านให้ลูกรับผิดชอบ

พ่อแม่ต่างมีภาระหน้าที่หลายอย่าง ลองมอบหมายภารกิจให้ลูก ๆ ทำคนละอย่างช่วยเบาแรงพ่อแม่ได้ การแบ่งงานควรเลือกให้เหมาะสมกับวัย ความถนัด และความพอใจของแต่ละคน เริ่มต้นด้วยสิ่งง่าย ๆ เช่น ตารางทิ้งขยะ เก็บพับผ้า เด็กหลายคนชอบมีส่วนร่วมในกิจวัตรประจำวันของครอบครัว แทนที่กลับบ้านมาแล้วต่างคนแยกไปอยู่ลำพัง ทุกคนกลับมารวมกันทำอาหารหรือช่วยทำความสะอาด ทำให้งานบ้านที่ดูน่าเบื่อกลับเป็นดูน่าสนุก ส่วนใหญ่เด็ก ๆ ที่ช่วยทำงานบ้านมักจะฝึกความรับผิดชอบและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ

บริหารเวลาใช้สมาร์ทโฟนอย่างเหมาะสม

การซื้อโทรศัพท์มือถือให้เด็ก ๆ ไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือยหากสามารถใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเช่น การแชร์รายการของชำให้กัน เด็กอาจส่งข้อความเตือนพ่อแม่ว่าซอสมะเขือเทศใกล้หมดแล้ว ขณะเดียวกันพ่อแม่ควรใช้แอปพลิเคชั่นจำกัดเวลาใช้สมาร์ทโฟนของเด็กแต่ละคน รวมถึงช่วงเวลาไหนไม่ควรเล่นมือถือ เช่น ระหว่างกินมื้อเย็นด้วยกัน เพื่อให้อุปกรณ์ดิจิทัลสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ว่าต่างคนก้มหน้าดูแต่โทรศัพท์ของตนเอง

เตรียมอาหารมื้อเย็นแบบง่าย ๆ

ไม่ว่ามื้อเย็นจะเป็นอาหารสำเร็จรูปหรือเข้าครัวทำเอง ควรเตรียมพร้อมให้เสร็จในครึ่งชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น เพื่อให้ครอบครัวมีเวลานั่งรับประทานมื้อเย็นด้วยกันนานขึ้น ได้พูดคุยกันมากขึ้น หากเลือกเมนูที่มีขั้นตอนยุ่งยาก ยิ่งใช้เวลาทำอาหารมากเท่าไร เวลาปฏิสัมพันธ์กับครอบครัวยิ่งลดน้อยลง หรือถ้าเลือกสั่งซื้อกลับบ้าน พ่อแม่สามารถประหยัดเวลาด้วยการใช้แอปพลิเคชันสั่งซื้ออาหารล่วงหน้าได้เสมอ

เปลี่ยนมาซื้อสินค้าออนไลน์

การซื้อสินค้าทางอินเทอร์เน็ตมีข้อดีทั้งเรื่องความสะดวกและประหยัดเวลา อาจเพิ่มค่าใช้จ่ายจัดส่งเล็กน้อย แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเวลา แทนที่หลังเลิกงานจะออกไปจับจ่ายซื้อของใช้บ้าน เช่น ผลิตภัณฑ์ซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำมันพืช ยาสีฟัน กระดาษชำระ ในปัจจุบันมีร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแห่งให้บริการสั่งซื้อออนไลน์และส่งให้ถึงบ้าน ประหยัดเวลาและไม่สิ้นเปลืองค่าน้ำมันรถด้วย

นอกจากนี้ในช่วงสุดสัปดาห์ยังเป็นโอกาสให้วางแผนทำกิจกรรมในบ้านและนอกบ้านด้วยกัน ชมภาพยนตร์ เล่นเกม ขี่จักรยาน เล่นกีฬา ปลูกต้นไม้ งานอดิเรกต่าง ๆ ซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้พ่อแม่ลูกพูดคุยและใกล้ชิดกันมากขึ้น

เคล็ดลับ บริหารเวลา ใช้เวลาช่วงเย็นอย่างมีคุณภาพ