Browse Author by Alice Herrera
บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคบริหารเวลาเพื่องานที่ดีและชีวิตสุดปัง

เทคนิคบริหารเวลาเพื่องานที่ดีและชีวิตสุดปัง

คำแนะนำบางประการเกี่ยวกับวิธีจัดการเวลาให้ดีมีดังนี้

ระวังว่าคุณใช้เวลาอย่างไร: ติดตามกิจกรรมของคุณสักวันหรือสองวันเพื่อดูว่าเวลาของคุณไปไหนจริงๆ วิธีนี้สามารถช่วยคุณระบุจุดที่คุณสามารถมีประสิทธิภาพได้มากขึ้น

ตั้งเป้าหมาย: คุณต้องการบรรลุอะไรด้วยเวลาของคุณ? การมีเป้าหมายที่เจาะจงจะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของงานและมีแรงบันดาลใจอยู่เสมอ

สร้างตารางเวลา: กันเวลาสำหรับงานที่สำคัญที่สุดของคุณในแต่ละวัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิและหลีกเลี่ยงการถูกกีดกัน

จัดลำดับความสำคัญงานของคุณ: งานบางงานไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเท่ากัน ใช้ระบบเช่น Eisenhower Matrix เพื่อจัดลำดับความสำคัญของงานของคุณตามความเร่งด่วนและความสำคัญ

เรียนรู้ที่จะปฏิเสธ: อย่าให้คำมั่นสัญญามากเกินไป คุณสามารถปฏิเสธคำขอที่ไม่สอดคล้องกับลำดับความสำคัญของคุณได้

ลดสิ่งรบกวนสมาธิ: ปิดการแจ้งเตือน ปิดเสียงโทรศัพท์ และค้นหาสถานที่เงียบสงบในการทำงานเมื่อคุณต้องการมีสมาธิ

หยุดพัก: กำหนดเวลาพักช่วงสั้นๆ ตลอดทั้งวันเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ

มอบหมายงานหรือจ้างบุคคลภายนอก: หากเป็นไปได้ มอบหมายงานให้กับผู้อื่นหรือจ้างบุคคลภายนอกเพื่อเพิ่มเวลาของคุณ

ให้รางวัลตัวเอง: เฉลิมฉลองความสำเร็จของคุณเพื่อให้มีแรงบันดาลใจอยู่เสมอ

เมื่อปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะได้เรียนรู้การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นและบรรลุเป้าหมาย

บริหารเวลาทำงาน

เทคนิคการบริหารเวลา หากรู้ตัวเองงานยุ่ง ควรทำอย่างไร

เทคนิคการบริหารเวลา หากรู้ตัวเองงานยุ่ง ควรทำอย่างไร

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณจัดการกับงานและชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือเทคนิคที่อาจช่วยให้คุณบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อคุณรู้ว่างานของคุณเริ่มเยอะขึ้น:

1. ตั้งเป้าหมายและลำดับความสำคัญ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนสำหรับงานที่ต้องทำและจัดลำดับความสำคัญของมัน เรียงลำดับงานตามความสำคัญเพื่อให้สามารถเริ่มต้นทำงานจากงานที่สำคัญที่สุดก่อน

2. ใช้เครื่องมือช่วย ใช้เครื่องมือการจัดการเวลา เช่น ปฏิทินออนไลน์ แอพพลิเคชันการจัดการงาน เพื่อช่วยในการวางแผนและติดตามการดำเนินการ

3. แบ่งเวลา แบ่งเวลาอย่างเหมาะสมระหว่างงานต่าง ๆ เพื่อให้มีเวลาที่เพียงพอสำหรับการทำงานแต่ละส่วนโดยไม่เกิดการชนกัน

4. ปรับเปลี่ยนเป็นของประจำ ลองสร้างนิสัยในการทำงานเป็นของประจำ เช่น การทำงานเป็นส่วนของชีวิตประจำวัน เพื่อให้งานไม่เกิดการค้างคา และลดความเครียด

5. ระงับการสะสมงาน พยายามทำงานทันทีเมื่อมีงานใหม่เกิดขึ้นและไม่เก็บสะสมงานไว้เกินไป ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกยุ่งเหยิงได้

6. พักผ่อนอย่างเหมาะสม จัดเวลาพักผ่อนให้เหมาะสม เพื่อให้สามารถทำงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปได้โดยไม่รู้สึกต่อว่าง

7. ปฏิเสธงานที่ไม่สำคัญ ไม่เข้าใจว่างานบางอย่างไม่สำคัญเท่ากับการไม่ต้องทำมัน ลองปฏิเสธงานที่ไม่สำคัญหรือสามารถนำเสนอว่าจะทำในภายหลังได้

การบริหารเวลาเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาในการปรับปรุงและประสบความสำเร็จในระยะยาว จึงควรจะทำการทดลองเทคนิคต่าง ๆ เพื่อค้นหาวิธีที่เหมาะสมที่สุดกับคุณ

เรื่องของเวลา

จัดการเวลารับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนัก

จัดการเวลารับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนัก

การบริหารเวลามื้ออาหารอาจเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก เคล็ดลับบางประการต่อไปนี้จะช่วยคุณจัดโครงสร้างมื้ออาหารและสร้างกิจวัตรการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

1.กินเป็นประจำ ตั้งเป้ากินอาหารหลักสามมื้อ (เช้า กลางวัน และเย็น) และของว่างเล็กๆ น้อยๆ สองถึงสามมื้อตลอดทั้งวัน การรับประทานอาหารเป็นประจำจะช่วยควบคุมความหิวและป้องกันการกินมากเกินไป

2.อย่าข้ามอาหารเช้า เริ่มต้นวันใหม่ด้วยอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการ สิ่งนี้สามารถกระตุ้นการเผาผลาญของคุณและให้พลังงานแก่คุณสำหรับวันข้างหน้า

3.ขนาดส่วนควบคุม คำนึงถึงขนาดชิ้นส่วนเพื่อหลีกเลี่ยงการกินมากเกินไป ใช้จาน ชาม และภาชนะที่มีขนาดเล็กลงเพื่อช่วยควบคุมปริมาณอาหาร

4.รวมโปรตีน รวมแหล่งโปรตีนไร้มันไว้ในมื้ออาหารของคุณ โปรตีนช่วยให้คุณอิ่มและสนับสนุนการบำรุงรักษากล้ามเนื้อในระหว่างการลดน้ำหนัก

5.จัดลำดับความสำคัญของผัก เติมผักให้เต็มครึ่งจาน มีแคลอรี่ต่ำและมีเส้นใยสูง ซึ่งสามารถช่วยให้คุณรู้สึกพึงพอใจโดยได้รับแคลอรี่น้อยลง

6.เลือกอาหารทั้งหมด เลือกใช้อาหารทุกส่วนที่ไม่ผ่านการแปรรูป โดยทั่วไปแล้วอาหารเหล่านี้จะมีสารอาหารหนาแน่นกว่าและสามารถช่วยควบคุมความอยากอาหารของคุณได้

7.ไฮเดรตก่อนมื้ออาหาร ดื่มน้ำหนึ่งแก้วก่อนมื้ออาหาร วิธีนี้สามารถช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มมากขึ้นและป้องกันการกินมากเกินไป

8.การรับประทานอาหารอย่างมีสติ ใส่ใจกับสิ่งที่คุณกำลังรับประทานและลิ้มรสอาหารแต่ละคำ การรับประทานอาหารอย่างมีสติสามารถช่วยให้คุณรู้ว่าเมื่อใดที่คุณพอใจแล้ว ซึ่งช่วยลดโอกาสที่จะบริโภคมากเกินไป

9.กำหนดเวลามื้ออาหารปกติ จัดตารางการรับประทานอาหารให้สม่ำเสมอ. สิ่งนี้สามารถช่วยควบคุมความหิวและความอิ่มของร่างกาย ทำให้ควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น

10.หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารดึก พยายามทานอาหารมื้อสุดท้ายให้เสร็จสักสองสามชั่วโมงก่อนเข้านอน การทานอาหารว่างตอนดึกอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเนื่องจากระบบเผาผลาญของร่างกายมีแนวโน้มที่จะช้าลงระหว่างการนอนหลับ

11.จำกัดแคลอรี่ของเหลว ระวังเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและเครื่องดื่มแคลอรี่สูง เลือกใช้น้ำ ชาสมุนไพร หรือตัวเลือกแคลอรี่ต่ำอื่นๆ

12.วางแผนของว่างเพื่อสุขภาพ เตรียมของว่างเพื่อสุขภาพไว้ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงการหยิบตัวเลือกที่ไม่ดีต่อสุขภาพเมื่อคุณหิว ของขบเคี้ยวสามารถช่วยรักษาระดับพลังงานให้คงที่ระหว่างมื้ออาหารได้

13.ติดตามการบริโภคอาหารของคุณ ใช้ไดอารี่อาหารหรือแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อติดตามมื้ออาหารของคุณ วิธีนี้สามารถเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับนิสัยการกินของคุณและช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้

14.คงเส้นคงวา ความสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ ยึดตามตารางมื้ออาหารของคุณและตัดสินใจเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเมื่อเวลาผ่านไป

15.ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ลองปรึกษากับนักโภชนาการหรือนักโภชนาการที่ลงทะเบียนเพื่อสร้างแผนการรับประทานอาหารส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับเป้าหมายการลดน้ำหนักและความต้องการด้านสุขภาพของคุณ

เรื่องของเวลา

การบริหารเวลาสำหรับนักเดินทาง

การบริหารเวลาสำหรับนักเดินทาง

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเดินทาง โดยเฉพาะนักธุรกิจที่ต้องการใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพ คำแนะนำในการบริหารเวลาสำหรับนักเดินทางมีดังนี้

1.วางแผนการเดินทางล่วงหน้า ซึ่งรวมถึงการจองเที่ยวบิน ที่พัก และกิจกรรมต่างๆ ด้วยการวางแผนล่วงหน้า คุณสามารถหลีกเลี่ยงการเสียเวลาในวันเดินทางได้

2.สร้างตารางเวลาและยึดตามนั้นให้มากที่สุด สิ่งนี้จะช่วยให้คุณใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุดและหลีกเลี่ยงการใช้เวลามากเกินไป

3.มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้ สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไปเมื่อคุณเดินทาง ดังนั้นควรเตรียมปรับตารางเวลาของคุณตามความจำเป็น

4.มอบหมายงาน หากคุณกำลังเดินทางร่วมกับผู้อื่น ให้มอบหมายงานต่างๆ เช่น จัดกระเป๋า การเช็คอินเที่ยวบิน และการนำทาง

5.ใช้ประโยชน์จากการหยุดทำงาน หากคุณต้องหยุดพักหรือหยุดทำงานเป็นเวลานานที่จุดหมายปลายทาง ให้ใช้เวลานั้นทำงานโดยใช้แล็ปท็อป อ่านหนังสือ หรือพักผ่อน

ก่อนการเดินทางของคุณ

1.power pack สิ่งนี้จะช่วยคุณประหยัดเวลาและความยุ่งยากที่สนามบิน

2.พิมพ์บอร์ดดิ้งพาสและเอกสารสำคัญอื่นๆ ของคุณ สิ่งนี้จะช่วยคุณประหยัดเวลาที่สนามบิน

3.ดาวน์โหลดแอปหรือแผนที่ที่จำเป็นลงในโทรศัพท์ของคุณ สิ่งนี้จะช่วยคุณนำทางไปยังจุดหมายปลายทางโดยไม่ต้องพึ่ง Wi-Fi

4.ค้นหาจุดหมายปลายทางของคุณและเขียนรายการกิจกรรมที่คุณต้องการทำ วิธีนี้จะช่วยให้คุณจัดลำดับความสำคัญของเวลาและหลีกเลี่ยงการเสียเวลากับกิจกรรมที่คุณไม่สนใจ

ที่สนามบิน

1.มาถึงสนามบินก่อนเวลา นี่จะทำให้คุณมีเวลาเช็คอินเที่ยวบิน ผ่านการรักษาความปลอดภัย และค้นหาประตูขึ้นเครื่อง

2.ใช้ตู้เช็คอินแบบบริการตนเอง หากมี สิ่งนี้จะช่วยคุณประหยัดเวลาในการต่อแถว

3.หากคุณมีสัมภาระที่โหลดใต้ท้องเครื่อง ให้ฝากไว้ที่เคาน์เตอร์สัมภาระโดยเร็วที่สุด วิธีนี้จะทำให้มือของคุณว่างขึ้นและช่วยให้คุณเคลื่อนที่ไปมาได้ง่ายขึ้น

4.ใช้ Wi-Fi ของสนามบินเพื่อตรวจสอบอีเมลหรือทำงานบนแล็ปท็อปของคุณ

บริหารเวลาทำงาน

บริหารเวลาสำหรับการเลี้ยงลูกเด็ก

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลี้ยงเด็กเพราะช่วยให้คุณ

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเลี้ยงเด็กเพราะช่วยให้คุณ

-จัดระเบียบและติดตาม

-หลีกเลี่ยงความรู้สึกท่วมท้น

-ใช้เวลากับลูกๆ ให้คุ้มค่าที่สุด

-ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ ปลอดภัยและได้รับการดูแลอย่างดี

คำแนะนำสำหรับการบริหารเวลาในการเลี้ยงเด็ก

1.วางแผนล่วงหน้า ก่อนที่เด็กๆ จะมาถึง ใช้เวลาในการวางแผนกิจกรรมของคุณในแต่ละวัน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณไม่พลาดและหลีกเลี่ยงการเสียเวลา

2.ตั้งความคาดหวังที่เป็นจริง อย่าพยายามยัดเยียดมากเกินไปในหนึ่งวัน การมีกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณทำได้ดี ดีกว่าพยายามทำมากเกินไปแล้วจบลงด้วยความเครียด

3.มีความยืดหยุ่น สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไป ดังนั้นให้เตรียมปรับเปลี่ยนตารางเวลาของคุณตามความจำเป็น

4.หยุดพัก สิ่งสำคัญคือต้องหยุดพักตลอดทั้งวัน แม้ว่าจะเป็นเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม สิ่งนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีสมาธิ

5.มอบหมายงาน หากเด็กๆ อายุมากพอ คุณสามารถมอบหมายงานบางอย่างให้พวกเขาได้ เช่น จัดโต๊ะหรือช่วยทำความสะอาด

6.ส่งเสริมการเล่นอย่างอิสระ นี่จะทำให้คุณมีเวลาทำสิ่งต่างๆ ให้เสร็จโดยไม่ต้องคอยดูแลเด็กๆ อยู่ตลอดเวลา

7.เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด มีแผนในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน เช่น เด็กได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บป่วย

เมื่อปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้ คุณจะสามารถจัดการเวลาในการเลี้ยงเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรับประกันว่าเด็กๆ จะได้รับประสบการณ์ที่ปลอดภัยและสนุกสนาน

คำแนะนำเพิ่มเติมที่อาจเป็นประโยชน์มีดังนี้

-สื่อสารกับผู้ปกครองเกี่ยวกับความคาดหวังและความต้องการของเด็กๆ

-สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบายให้กับเด็กๆ

-จงอดทนและเข้าใจ

-มีความสุข!

ด้วยทักษะการบริหารเวลาที่ดี คุณสามารถเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่ประสบความสำเร็จและมอบประสบการณ์เชิงบวกให้กับเด็กๆ ได้

 

เรื่องของเวลา

5 เคล็ดลับการบริหารเวลาอย่างไรให้ลงตัว

5 เคล็ดลับการบริหารเวลาอย่างไรให้ลงตัว

เรามักจะได้ยินคนบ่นว่าเวลาไม่พอ ทั้งที่แต่ละวันทุกคนมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ไม่มีใครมีเวลามากกว่าหรือน้อยกว่ากัน แต่เพราะหลายคนขาดทักษะการบริหารเวลา โดยเฉพาะในที่ทำงาน เมื่อเราเสียสมาธิและเสียเวลาไปกับสิ่งรบกวน ทำให้บริหารเวลายาก หลายคนต้องการแผนปรับปรุงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น มีเคล็ดลับ 6 ข้อมาแนะนำกัน ดังนี้

1.กำหนดตารางเวลาและตั้งระบบเตือนล่วงหน้า
สิ่งแรกที่ควรทำคือจดว่าแต่ละวันมีงานสำคัญอะไรบ้างแล้ววางแผนสิ่งที่ทำ กำหนดตารางเวลาอย่างเหมาะสม ขอแนะนำให้ตั้งระบบเตือนล่วงหน้าประมาณ 15 นาทีก่อนการประชุมหรืองานสำคัญอื่นๆ เพื่อให้เตรียมตัวได้ทันและทำงานได้อย่างครบถ้วน รู้ว่าเวลาที่เหลือยังทำอะไรได้อีกบ้าง ทุกวันควรใช้เวลาอย่างมีคุณค่าเพราะการบริหารเวลาคือกุญแจสู่ความสำเร็จ

2. การวางแผนการใช้เวลาในแต่ะวัน
ทำรายการสิ่งที่คุณต้องทำในวันนั้น จัดเรียงตามลำดับความสำคัญจากมากไปน้อย ควรให้เวลากับสิ่งที่สำคัญมากที่สุดก่อนเสมอ ถัดไปคือแบ่งงานที่ต้องทำให้เสร็จในวันนั้น และงานที่ไม่รีบแต่ทำต่อเนื่อง เพื่อให้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง ทำอะไรก่อน-หลัง และงานที่ต้องทำต่อเนื่องนั้นควรทำวันละมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้ทำเสร็จทันตามกำหนดและงานมีคุณภาพ ขอแนะนำให้จัดการสะสางงานยากให้เสร็จก่อน เพราะงานง่ายใช้เวลาน้อย จะทำได้แบบผ่อนคลายมากขึ้น วิธีนี้ลดความเหนื่อย ลดความกดดันได้ไม่น้อยเลย งานไหนเสร็จแล้วให้ทำเครื่องหมายไว้

3. จัดสรรเวลาทำแต่ละงานให้เหมาะสม
กำหนดเวลาทำงานก่อนว่างานไหนใช้เวลาเท่าไร ถ้าหมดเวลาก่อน ให้หยุดแล้วไปทำสิ่งที่ต้องทำลำดับต่อไปเพื่อให้ไม่ให้เสียเวลา หลังจากนั้นค่อยย้อนกลับมาทบทวนสะสางงานที่ยังค้างไว้ให้เสร็จ ถือเป็นวิธีการแบ่งเวลาที่ช่วยลดความกดดัน รู้สึกผ่อนคลายและเครียดน้อยลง ไม่วิตกกังวลและมีสมาธิกับงานที่ทำมากขึ้น

4. โฟกัสกับงานที่ทำ
ปิดกั้นตัวเองจากสิ่งรบกวนที่อาจทำให้หลุดโฟกัสจากงานได้ง่าย เช่น กำหนดเวลาเช็คอีเมลวันละ 3 ครั้งเพื่อไม่ให้ขัดจังหวะการทำงาน ถ้าอีเมลนั้นสำคัญและใช้เวลาไม่นานให้รีบทำทันที หากอ่านแล้วไม่เข้าใจหรือใช้เวลาตอบนานให้เก็บไว้ก่อน ค่อยกลับมาจัดการในภายหลัง เป็นการลดสิ่งที่ไม่ควรต้องเสียเวลาช่วยให้ทำงานอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

5. สร้างกิจวัตรที่ประหยัดเวลา
ลดเวลาจากสิ่งที่เคยทำเป็นประจำ เช่น นานๆ ครั้งค่อยออกไปรับประทานอาหารไกลออฟฟิศหรือไกลบ้าน หากเลือกที่ใกล้ก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางหรือปรับเปลี่ยนวิธีการเดินทางจะช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้น

การบริหารเวลาเป็นเรื่องสำคัญ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณใช้เวลาไปกับสิ่งที่ไม่สำคัญมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นเล่นโซเชียลมีเดียหรือชอปปิ้งออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือ หากคุณมีการบริหารจัดการเวลาที่ดี สามารถลดทอนหรือตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปได้ จะทำจัดสรรเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ มีเวลาทำงานมากขึ้น และมีชีวิตส่วนตัวที่ดีขึ้นด้วย

ทักษะนี้จะช่วยเสริมความเป็นผู้นำได้ พยายามเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ไปให้ได้ สุดท้ายผลประโยชน์ก็จะตกอยู่ที่ตัวคุณเอง

เรื่องของเวลา

แชร์เทคนิคบริหารเวลาทำงานให้มีประสิทธิภาพง่าย ๆ ที่ชาวออฟฟิศควรรู้

แชร์เทคนิคบริหารเวลาทำงานให้มีประสิทธิภาพง่าย ๆ ที่ชาวออฟฟิศควรรู้

ทุกคนมีเวลาเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง แต่หลายครั้งเราก็ใช้เวลาไปเปล่าประโยชน์ และมีสิ่งรบกวนใจมากมาย ทำให้ใช้เวลาทำงานไม่คุ้มค่า เช่น เล่นมือถือเพลิน จนนอนดึก ตื่นเช้าไปทำงานไม่ไหว, มีงานด่วนเข้าแทรกจนจัดการเวลาไม่ดี รวมทั้งมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เวลาของคุณลดลงอย่างไม่รู้ตัว เราจึงนำเทคนิคการบริหารเวลาทำงานง่าย ๆ อย่างมีประสิทธิภาพมาฝากทุกคนกัน

ทำ To do list
พนักงานออฟฟิศจะเข้าใจดีว่า นอกเหนืองานหลักที่เราต้องทำแล้ว ยังมีงานอื่นเข้ามาแทรกตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการตอบอีเมล์ลูกค้า รับสายโทรศัพท์ หัวหน้าเรียกประชุมกะทันหัน หรือเปลี่ยนรายละเอียดงานกลางคัน ก็ล้วนแต่ทำให้เสียเวลาทำงานทั้งสิ้น จนหลายคนงานไม่เสร็จ ต้องหอบงานกลับไปทำที่บ้าน และเสียเวลาอยู่กับครอบครัวอีก ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาก็ง่าย ๆ คือ ทำTo-do list ว่างานไหนงานด่วน อันไหนไม่เร่ง กล่าวคือ เราควรทำงานที่ด่วนสุดก่อน ตามด้วยงานประจำ และทำงานที่กำหนดเดดไลน์ช้าสุดภายหลัง

หาเวลาพักบ้างในแต่ละวัน
การตะลุยงานมาราธอน เร่งรีบให้งานเสร็จทันทีในเวลาอันสั้น เป็นสิ่งที่ดี แต่หากโหมงานหนักเกินไป จะกลายเป็นว่างานนั้นมีคุณภาพลดลง ต้องกลับมาแก้ไขใหม่ภายหลัง เสียเวลาไปอีก วิธีแก้ง่าย ๆ คือ ตั้งเป้าหมายว่า เมื่อเราทำงานไปจนถึงจุด ๆ หนึ่งแล้ว ควรหยุดพัก ไปเข้าห้องน้ำ ดื่มกาแฟ หรือพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน จะช่วยให้สมองผ่อนคลาย มีสมาธิทำงานมากขึ้น และผิดพลาดน้อยลง

ศึกษาโปรแกรมทำงานเพิ่มเติม ช่วยประหยัดเวลาทำงาน
เทคโนโลยีปัจจุบันก้าวหน้าไปมาก มีคนทำคอนเทนต์สอนการทำ Microsoft Office แบบง่าย ๆ ให้คุณหาดูได้ทาง Youtube ซึ่งการศึกษาซอฟต์แวร์ออฟฟิศเพิ่มเติม ย่อมช่วยประหยัดเวลาทำงานไปได้ไม่น้อย จากเดิมใช้เวลาทำงาน 8 ชั่วโมง อาจลดเหลือ 3 ชั่วโมงก็ได้ เช่น ศึกษาการทำสารบัญ/บรรณานุกรมอัตโนมัติ หรือเรียนรู้สูตร Excel อื่น ๆ มากขึ้น ก็ช่วยร่นเวลาทำงานได้เช่นกัน

อย่าเสียเวลาไปกับการประชุม
มั่นใจเลยว่าพนักงานบริษัทร้อยละ 90 เบื่อการประชุมแน่นอน เพราะใช้เวลายืดยาว และผู้ฟังส่วนมากไม่เกี่ยวกับงานนั้นๆ การอ่านสรุปการประชุมภายหลัง ก็ยังเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด ดังนั้นหากมั่นใจว่าคุณไม่มีส่วนร่วมกับการประชุม เป็นเพียงพนักงานระดับปฏิบัติการธรรมดา ควรหาโอกาสคุยกับหัวหน้าว่าขอทำงานด่วนก่อน หรือหากคุณเป็นผู้นำเสนอในที่ประชุม พยายามพูดอย่างกระชับ ใช้เวลาสั้นๆ

เผื่อเวลาฉุกเฉินเอาไว้บ้าง
การผัดวันประกันพรุ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับชาวออฟฟิศ เพราะเราจะเร่งทำงานจริงๆ ก็ต่อเมื่องานนั้นมีกำหนดเดดไลน์ชัดเจน แต่อย่าลืมว่าการรีบทำงานในเวลากระชั้นชิดจนเกินไป ย่อมมีความเสี่ยงที่จัดการงานไม่ทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีงานด่วนแทรก เรียกได้ว่าเป็นจังหวะลุ้นระทึกเลยทีเดียวว่าจะปั่นงานเสร็จทันไหม ดังนั้นอย่าผัดวันทำงานบ่อยนัก ควรค่อยๆ ทยอยทำ เผื่อกรณีฉุกเฉินเอาไว้ด้วย

5 เทคนิคที่แนะนำมาในวันนี้ ย่อมช่วยบริหารเวลาสำหรับชาวออฟฟิศแน่นอน และที่สำคัญเราควรหมั่นดูแลสุขภาพด้วย เนื่องจากหากสุขภาพไม่ดี เข้าโรงพยาบาลบ่อย ๆ ย่อมเสียโอกาสในการทำงาน จนประสิทธิภาพของงานลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

บริหารเวลาทำงาน

เวลาว่างหลังเลิกงาน ทำอาชีพเสริมอะไรดี?

เวลาว่างหลังเลิกงาน ทำอาชีพเสริมอะไรดี

การมีอาชีพเสริมเป็นวิธีที่ดีในการใช้เวลาว่างหลังเลิกงานให้เกิดประโยชน์ และมีโอกาสใหม่ๆในการหารายได้เสริม การเลือกอาชีพเสริมขึ้นอยู่กับความสนใจ ทักษะ และเป้าหมายส่วนตัวของคุณ เราคัดสรรอาชีพมาให้คุณบางส่วน ดังต่อไปนี้

1.การทำงานฟรีแลนซ์
หากคุณมีทักษะในการเขียน การออกแบบกราฟิก การพัฒนาเว็บ หรือด้านอื่นๆ การทำงานฟรีแลนซ์อาจเป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นได้ คุณสามารถดำเนินโครงการตามความพร้อมของคุณและสร้างพอร์ตโฟลิโอพร้อมกับหารายได้เสริมได้เลย

2.การสอนหรือการกวดวิชา
หากคุณมีความเชี่ยวชาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คุณสามารถพิจารณาสอนหรือติวในเวลาว่างได้ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตนเองหรือทางออนไลน์ และมักมีความต้องการผู้สอนในวิชาต่างๆ ภาษา หรือการเตรียมสอบ

3.ธุรกิจออนไลน์
หากคุณมีจิตวิญญาณของผู้ประกอบการ การเริ่มต้นธุรกิจออนไลน์อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า คุณสามารถขายผลิตภัณฑ์หรือบริการ สร้างและขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัลผ่านช่องทางต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็น facebook instagram tiktok หรือแม้แต่สร้างบล็อกหรือช่อง YouTube เพื่อสร้างรายได้ผ่านโฆษณาหรือเนื้อหาที่ได้รับการสนับสนุน

4.การให้คำปรึกษา
หากคุณมีความรู้เฉพาะทางหรือประสบการณ์ในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง คุณสามารถเสนอความเชี่ยวชาญของคุณในฐานะที่ปรึกษาได้ บริษัทหรือบุคคลจำนวนมากยินดีจ่ายเงินสำหรับคำแนะนำและแนวทางอย่างมืออาชีพในด้านต่างๆ เช่น การตลาด การเงิน ทรัพยากรบุคคล หรือเทคโนโลยี

5.ศิลปะและงานฝีมือ
หากคุณมีทักษะด้านศิลปะหรือชอบงานฝีมือ คุณสามารถสำรวจโอกาสในการขายผลงานสร้างสรรค์ของคุณทางออนไลน์หรือที่ตลาดท้องถิ่น แพลตฟอร์มเช่น Etsy เป็นตลาดซื้อขายสินค้าแฮนด์เมด และคุณสามารถเปลี่ยนงานอดิเรกของคุณให้เป็นกระแสรายได้เสริม

อย่าลืมเลือกอาชีพเสริมที่ตรงกับความสนใจและถนัด เพราะจะทำให้สนุกและเติมเต็มประสบการณ์มากขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องจัดการเวลาของคุณอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตที่ดี

เรื่องของเวลา

เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อย

เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อย

ในปัจจุบันมีความวุ่นวายเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เราเกิดความสับสนวุ่นวายได้ วันนี้จึงมีเทคนิคการบริหารเวลา ที่จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในชีวิต และมีเวลาว่างมากขึ้น มาดูกันค่ะว่าเทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อยมีอะไรบ้าง

เทคนิคการบริหารเวลาสำหรับคนเวลาน้อย

1.การทำ list จัดลำดับความสำคัญงาน
การจัดลำดับความสำคัญของงานถือว่ามีความสำคัญ เราสามารถลำดับความสำคัญของงานจากงานที่ด่วน หรือมีความสำคัญที่สุดในเริ่มต้นของวัน เพราะเป็นช่วงเวลาที่สมองโล่ง พร้อมที่จะรับสิ่งใหม่ ๆ ทำให้เราทำงานออกมาได้ดี และเป็นการช่วยทำงานให้ได้ตามเป้ามากขึ้น

2.พิจารณางานแทรก
เชื่อว่างานแทรกนั้น เกิดขึ้นได้เสมอ และตลอดเวลา ดังนั้นหากมีงานแทรกขึ้นมา ให้พิจารณาถึงความ
เร่งด่วนและมีความสำคัญ หรือสามารถมอบหมายให้ทำแทนได้ เพื่อทำให้เกิดการบริหารเวลาได้ง่ายขึ้น และทำให้เราไปเร่งรีบจนเกินไป

3.ประเมินและปรับปรุงตารางเวลาให้มีความเหมาะสม
ขั้นตอนนี้ถือว่ามีความสำคัญ ที่ต่อจากทำ list และการพิจารณางานแทรก เพราะจะทำให้เราทราบว่าสิ่งที่เราได้วางแพลนไว้นั้น มีความถูกต้องและใช้ได้หรือไม่ และควรวางแผนการบริหารเวลาต่อไปอย่างไร เพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการจัดสรรเวลาได้อย่างเหมาะสมลงตัว

4.จัดสรรเวลาและกับการพักผ่อนและการออกกำลังกาย
การพักผ่อนและการออกกำลังกาย ถือว่ามีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการบริหาร เพราะจะนำมาซึ่ง
สุขภาพที่ดี ซึ่งหากเรามีสุขภาพที่ดีแล้วก็จะนำมาซึ่งความสุข และอยากจะกระทำสิ่งต่าง ๆ ซึ่งส่งผลต่อการบริหารจัดการเวลาของเราได้อีกด้วย การพักผ่อนหรือการออกกำลังกายที่เราสามารถทำได้ เช่น การออกเดินทางท่องเที่ยว การอยู่กับครอบครัว หรือ การเล่นกับน้องหมา

5.กำหนดเวลาในการใช้สื่อโซเซียล
ในปัจจุบันสื่อโซเชียลถือว่ามีอิทธิพล ต่อการใช้ชีวิตประจำวันของคนเราเป็นอย่างมาก บางคนใช้เวลากับสิ่งเหล่านี้ไปหลายชั่วโมงในแต่ละวัน ซึ่งจะนำมาซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงาน ทำให้ขาดการจัดสรรเวลาที่มีประสิทธิภาพ เราจึงควรจะต้องกำหนดเวลาในการเข้าใช้ให้มีความชัดเจน เช่นไม่ควรเกินวันละ 2 ชั่วโมงต่อวัน และหันมาทำสิ่งอื่น ๆ ที่มีความจำเป็นมากขึ้น เช่นการอยู่กับครอบครัว หรือการรับประทานอาหารกับครอบครัว แล้วยังจะทำมาซึ่งมิตรภาพที่ดีอีกด้วย

จะเห็นว่าทุกคนมีเวลาเท่ากัน คือ 24 ชั่วโมง และเวลาถือว่าเป็นทรัพยากรที่มีค่า เราจึงควรจัดสรรเวลาให้เกิดประโยชน์มากที่สุด การบริหารจัดการเวลาที่ดีแล้ว นอกจากจะทำมาซึ่งการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ

เรื่องของเวลา

เพิ่มประสิทธิภาพให้ชีวิต ด้วยการ บริหารเวลา หากทำได้ เหลือเวลาเพียบ

เพิ่มประสิทธิภาพให้ชีวิต ด้วยการ บริหารเวลา หากทำได้ เหลือเวลาเพียบ

เวลาถือเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในการดำเนินชีวิตและไม่สามารถย้อนกลับได้ ฉะนั้นการใช้ชีวิตจึงต้องอาศัยการวางแผนที่ดี อย่าได้ให้เกิดคำพูดที่ว่า “ไม่มีเวลา” เพราะนั่นมาจากปากของคนที่ไม่สามารถจัดสรรหรือ บริหารเวลาอะไรได้เลยและคนเราก็มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน หากคุณสามารถจัดสรรได้คุณจะทำอะไรได้หลายอย่างในแต่ละวัน ฉะนั้นหากใครที่กำลังรู้สึกว่าชีวิตวุ่นวาย ไม่สามารถทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้เลย ลองลำดับความสำคัญและลองทำตามทริกเหล่านี้ดูก่อน

-ตื่นตั้งแต่เช้า เริ่มต้นด้วยการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ทำให้กระฉับกระเฉง โดยต้องทำเป็นประจำใช้เวลา 15-30 นาทีต่อวันเท่านั้นและต้องทำต่อเนื่อง

-กำหนดเวลาในการเช็คเครื่องมือสื่อสารต่าง ๆ เป็นข้อที่กระทบต่อชีวิตหลายคน เพราะบางคนเมื่อได้เข้าสู่โลกออนไลน์มักจะเพลิดเพลิน รู้ตัวอีกทีก็กินเวลาไปเกือบครึ่งวัน จนไม่หลงเหลือเวลาไว้ทำเรื่องอื่นเลย ฉะนั้นต้องกำหนดเวลาในการเช็คอีเมล์ ช่องทางต่าง ๆ ให้ชัดเจน

-เลือกสถานที่ทำงานที่เป็นส่วนตัวมากที่สุด คนรอบข้างก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำลายสมาธิของคุณ เมื่อต้องเริ่มทำงานอย่างจริงจัง ควรเลือกมุมสงบที่มีแค่คุณเท่านั้น เพื่อไม่กระทบต่อการทำงานและสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

-เรียงลำดับงานง่ายไปหางานยากหรือทำงานที่เร่งก่อน เพราะงานง่าย ๆ จะทำให้คุณมีพลังพอที่จะทำงานอื่น ๆ ต่อไปและในการเลือกทำงานเร่งส่งก่อนจะช่วยให้คุณสามารถบริหารเวลา และสามารถทำงานส่งงานตรงเวลา

-นอนอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่และไม่ง่วงระหว่างวัน

-เลือกใส่เสื้อผ้าแบบเรียบง่าย ถือเป็นทริกที่หลายคนสังเกตจากคนที่ประสบความสำเร็จมักจะสวมใส่เสื้อยืด กางเกงโทนสีเดิม ๆ

-วางแผนและเตรียมงานก่อนล่วงหน้า ก่อนจะเริ่มการทำงานควรจัดเตรียมงานก่อนเริ่ม 15 นาที เพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพและไม่ทำให้คุณเร่งรีบจนเกิดข้อผิดพลาด ซึ่งส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ

-จดบันทึกในสิ่งที่จะต้องทำเสมอและมุ่งมั่นทำให้สำเร็จ ถือเป็นการตั้งเป้าหมายให้ตัวเองเลยว่าจะต้องทำงานให้สำเร็จในแต่ละวันว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่คุณจะได้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หลายคนอยากประสบความสำเร็จ แต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรและเมื่อลงมือทำก็ไม่สามารถทำได้สักทีหรือหากเริ่มต้นแล้ว แต่ชีวิตก็ยังวุ่นวาย ยังไม่ลงตัว นั่นเพราะคุณยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด ส่วนใหญ่เกิดจากการบริหารเวลาที่ขาดประสิทธิภาพ แต่หากคุณลองทำตามทริกที่เราได้นำเสนอไปแล้วนั้น เชื่อว่าคุณจะต้องประสบความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่งแน่นอน